Positioning คืออะไร เทคนิคการวางตำแหน่งในตลาดให้น่าสนใจ

Krittitee Tongdang
December 25, 2024

Positioning การวางตำแหน่ง หรือ จุดยืนของแบรนด์ เพื่อช่วยสร้างความโดดเด่นให้แบรนด์ของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างข้อได้เปรียบทางธุรกิจ หากจะอธิบายเป็นรูปธรรมอาจมีความซับซ้อนยากที่จะนึกให้เห็นภาพ 

แต่ในบทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจถึงเรื่อง Positioning ได้ดียิ่งขึ้น และ สามารถเปรียบเทียบ นำไปประยุกต์ใช้กับแบรนด์ของคุณให้เกิดประโยชน์สูงสุด รายละเอียดจะไปอย่างไรนั้น ติดตามอ่านต่อกันได้ในหัวข้อต่อจากนี้เลย

Positioning คืออะไร?

Positioning คืออะไร?

Positioning คือ การแสดงจุดยืนของแบรนด์ให้ลูกค้าเป้าหมายมองเห็นคุณได้อย่างชัดเจน โดยการบ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์ จุดเด่นของแบรนด์ และจุดยืนที่มั่นคงของผลิตภัณฑ์ว่ามีจุดยืนอย่างไร มีไว้เพื่อใคร และอยู่ในระดับไหนเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง

หรืออาจบอกเป็นนัยสำคัญว่า แบรนด์ของคุณตั้งใจจะมอบคุณค่า หรือ แก้ปัญหาใดให้กับลูกค้าโดยมีแนวคิดในการวาง Positioning เริ่มจากการให้ความสำคัญไปที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และพิจารณาถึงความเหมาะสมในการแสดงจุดยืนให้พวกเขารับรู้ ด้วย 3 เทคนิคต่อไปนี้

3 เทคนิคการวาง Positioning อย่างมีประสิทธิภาพ

3 เทคนิคการวาง Positioning อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคในการวาง Positioning มีแนวคิดที่เป็นกลยุทธ์ 3 แบบ ได้แก่ Emotional การแสดงจุดยืนทางอารมณ์ Functional การแสดงจุดยืนในด้านการใช้งาน และ Differentiation การแสดงจุดยืนที่แตกต่างจากคู่แข่ง 

1. Emotional

Emotional คือ การวางตำแหน่ง หรือ แสดงจุดยืนทางอารมณ์ มุ่งเน้นไปที่การสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ โดยการสร้างความรู้สึกร่วม หรือประสบการณ์ให้กับลูกค้าเป้าหมาย ใช้แล้ว รู้สึกดี รู้สึกมีคุณค่า เพื่อดึงดูดอารมณ์ความรู้สึกในไปในทิศทางเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่น สินค้าแบรนด์เนม ของราคาแพง ที่มีความหรูหรา ผู้ใดมีไว้ในครอบครองมักจะรู้สึกถึงความมีฐานะ เป็นที่ยอมรับของสังคม เป็นของขวัญที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต รู้สึกปลาบปลื้มทุกครั้งที่ได้มองหรือได้ใช้ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าที่ได้ผลมากที่สุดอย่างหนึ่งเลยทีเดียว

2. Functional

Functional คือ การวางตำแหน่ง หรือ แสดงจุดยืนในด้านการใช้งาน มีจุดเด่นในเรื่องของคุณภาพสูงสุดในการใช้งาน แสดงให้เห็นถึงฟังก์ชันที่โดด พิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ  สินค้าแบบ Functionalไม่มีกำหนด ว่าจะต้องเป็นสินค้าราคาประหยัดเท่านั้น สินค้าราคาแพงก็วางตำแหน่งแบบ Functional ได้เช่นกัน

สินค้าที่ตำแหน่งแบบ Functional มักจะเน้นเรื่องคุณภาพและการใช้งานเป็นประเด็นสำคัญ เช่น รถยนต์ไฮเปอร์คาร์ที่เป็นสุดยอดแก่งสมรรถนะ หรือ ซูเปอร์คาร์รุ่นน้ำหนักเบา ที่ถอดอุปกรณ์น้ำหนักเยอะและไม่จำเป็นออก เพื่อทำความเร็วสูงสุดในสนามแข่ง เป็นต้น

3. Differentiation

Differentiation คือ การวางตำแหน่ง หรือ แสดงจุดยืนด้วยการสร้างความแตกต่าง ด้วยเอกลักษณ์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร จะใช้เป็นความแตกต่างด้าน Emotional หรือ ความแตกต่างด้าน Functional ก็ได้ทั้งคู่ การสร้างความแตกต่าง จะช่วยลดจำนวนคู่แข่งลง และ

สร้างฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่มของตนเองได้ ความแตกต่างที่ดีจะต้องมีเพียงแค่แบรนด์คุณเท่านั้นที่ทำได้ ไม่มีใครเลียนแบบหรือมาทดแทนแบรนด์ของคุณได้ คุณจะกลายเป็นเจ้าตลาดในทันที เช่น รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดัง วิ่งบนถนนด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ ที่ตอนนี้ยังไม่มีใครแทนที่ได้ ถึงแม้จะมีราคาสูง แต่ก็นวัตกรรมที่หลายๆคนอยากใช้ และได้รับความนิยมในปัจจุบัน

บทสรุป

การวาง Positioning ของแบรนด์ คือการวางตำแหน่งที่ชัดเจน เพื่อให้สินค้าแสดงจุดยืนของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากแบรนด์ของคุณ มีการวางตำแหน่งที่ชัดเจน จะทำให้สินค้านั้นมีจุดยืนที่โดดเด่น และ เป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้นอย่างแน่นอนสำหรับธุรกิจใดที่อยากทำการตลาดให้ตรงกับ Positioning ของแบรนด์คุณ และ ทำการโฆษณาให้ได้ผล อย่างมีแบบแผน สามารถปรึกษาเราได้ทันที ที่ asiasearch.co.th เรามีบริการ Digital Marketing ที่ครบวงจรที่สุด และมีประสบการณ์ดูแลการตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมายหลายแห่งทั่วประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทุกแบรนด์

Share: