ROAS คืออะไร สำคัญอย่างไร ใช้วัดอะไรบ้าง

ROAS (Return on Ad Spend) คือ ค่าที่เป็นตัววัดประสิทธิภาพของโฆษณา โดยคำนวณจากยอดขายและค่าใช้จ่ายในการโฆษณาด้วยสูตรคำนวณง่ายๆ แล้วได้ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ช่วยให้ทราบว่าการลงทุนในโฆษณานั้นๆ คุ้มค่าหรือไม่ และสามารถประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาได้อย่างแม่นยำกว่าเดิม

ROAS มีความสำคัญอย่างไร ?

ROAS เป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับการตลาดออนไลน์ เป็นตัวช่วยให้สามารถประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนได้โดยตรง และมีประโยชน์ในด้านอื่นๆดังนี้

1. ประเมินประสิทธิภาพของโฆษณา

ช่วยให้ทราบว่าโฆษณาที่ลงทุนไปสร้างรายได้กลับมาเท่าใด มีผลกำไรมากน้อยเพียงใด หรือขาดทุนไปเท่าไร และพิจารณาได้ว่า ควรต่อยอดแคมเปญนี้ต่อไปหรือไม่

2. เปรียบเทียบช่องทางโฆษณา 

สามารถวิเคราะห์ ROAS ของแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น Google Ads, Facebook Ads เพื่อระบุช่องทางที่มีคุณภาพสูงสุด และพัฒนาต่อไปในอนาคต

3. การบริหารงบประมาณที่ดีขึ้น 

จัดการงบประมาณโดยใช้ ROAS เป็นเกณฑ์ในการเพิ่มหรือลดงบประมาณสำหรับแคมเปญที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด

4. ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้ดีขึ้น

ช่วยระบุว่ากลยุทธ์การโฆษณาใดทำงานได้ดี และควรปรับปรุงตรงจุดไหนบ้าง ทำให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้ทัน พัฒนาได้ไวกว่าคู่แข่ง

สูตรการคำนวณ ROAS ง่าย ๆ ทำตามได้ทันที

[(ยอดขายจากโฆษณา – ค่าโฆษณา) ÷ ค่าโฆษณา] x 100 = ROAS

ตัวอย่าง

จ่ายค่า Facebook Ads 10,000 บาท ขายสินค้ามีรายได้เข้ามา 60,000 บาท

[(60,000 – 10,000) ÷ 10,000] x 100 = 500

ดังนั้น ROAS = 500%

ROAS ที่ดีควรเป็นเท่าไหร่?

ROAS ที่ดีขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและอัตรากำไรของสินค้า โดยทั่วไป ROAS ที่คุ้มค่าควรอยู่ที่ 300% ขึ้นไปเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและมีกำไรเพียงพอ  แต่สำหรับธุรกิจที่มีผลกำไรน้อย อาจต้องมี ROAS สูงกว่านี้เพื่อทำกำไรมากขึ้น เช่น 500% ขึ้นไป เป็นต้น

แนวทางการเพิ่ม ROAS ให้สูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

1. กำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสม

ใช้ข้อมูลเชิงลึกในการกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ ปรับแต่งโฆษณาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

2. ทดสอบช่องทางโฆษณาหลายรูปแบบ

ใช้แพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น Google Ads, Facebook Ads, TikTok Ads เพื่อตรวจสอบว่าช่องทางไหนสร้างผลตอบแทนดีที่สุด

3. เพิ่มงบประมาณในแคมเปญที่มี ROAS สูง

วิเคราะห์ข้อมูลแคมเปญและเพิ่มงบประมาณให้กับโฆษณาที่สร้างยอดขายได้มากที่สุด เพื่อเป็นการสร้างผลกำไรที่สูงขึ้น หากคุณทำแบบนี้ถือว่ามาถูกทางแล้ว

4. ปรับปรุงข้อความโฆษณาและหน้า Landing Page

สร้างข้อความโฆษณาที่กระชับและชัดเจน ปรับปรุงหน้า Landing Page ให้โหลดเร็ว ใช้งานง่าย และสอดคล้องกับโฆษณา

5. ใช้กระบวนการติดตาม และวัดผลกลุ่มเป้าหมาย (Conversion Tracking)

กระบวนการติดตามและวัดผลการกระทำของกลุ่มเป้าหมายโดยอาศัยเครื่องมือดิจิทัลต่างๆ อย่าง Google Analytics, Google Ads Conversion Tracking เป็นต้น จะดีต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และปรับปรุงแคมเปญได้ดีขึ้น

6. ทดสอบและเรียนรู้ (A/B Testing)

ทดลองรูปแบบโฆษณาต่าง ๆ เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความ เพื่อวิเคราะห์ว่าแบบใดให้ ROAS ที่ดีที่สุด

7. ให้บริษัท Digital Marketing Agency ดูแล

หากคุณมีเวลาน้อย หรือต้องการผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการตลาดออนไลน์ของธุรกิจคุณ การร่วมมือกับเอเจนซี่เพื่อช่วยเพิ่ม ROAS ให้สูงขึ้น จะเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์และได้ผลดีมากขึ้น เนื่องจากประสบการณ์ที่ดูแลการตลาดในหลายๆธุรกิจ จึงสามารถทำให้ธุรกิจของคุณมี ROAS ที่สูงขึ้นได้อย่างยั่งยืน สนใจติดต่อ AsiaSearch Solutions Digital Marketing Agency ได้ที่เบอร์ 092-809-9954

บทสรุป

ROAS เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยวัดประสิทธิภาพของการลงทุนในโฆษณา วัดผลประกอบการของธุรกิจ และยังประเมินความคุ้มค่าของแคมเปญ ปรับปรุงกลยุทธ์ และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน ด้วยการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสม ปรับปรุงเนื้อหา และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถเพิ่ม ROAS และสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ