google sandbox คืออะไร ? 

Google sandbox เป็นคำที่นักการตลาดรู้จักกันดี แม้จะตอบได้ไม่ชัดว่าจริงแล้ว ๆ แซนด์บ็อกซ์คืออะไร?  หรือทำไมมันถึงสำคัญกับการเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ ในบทความนี้เราจะช่วยให้คุณรู้จักมันมากขึ้นกัน ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด ตามมาเลย 

หลังจากทำงานหนักมาหลายเดือน ก็ถึงเวลาเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ พร้อมสร้างยอดผู้เข้าชมที่หลั่งไหลเข้ามาสำรวจเว็บไซต์ของคุณ 

แต่หลังจากเปิดตัวไปได้ไม่กี่เดือน ก็พบว่าอันดับใน Google ไม่ได้เป็นไปอย่างใจหวัง แม้ว่าจะทำ เหตุผลการทำ SEO มาแล้วอย่างดีก็ตาม แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าเป็นแบบนี่ นั่นอาจแปลว่าคุณกำลังประสบกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Google sandbox อยู่

เป็นปรากฏการณ์ที่เว็บไซต์ใหม่ๆ ไต่อันดับสูงในหน้าผลการค้นหาของ Google ได้ยาก แม้จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามแนวทาง SEO แล้วก็ตาม

ว่าแต่ Google sandbox คืออะไรกันแน่? แล้วเรายังต้องระวังอยู่หรือไม่?

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง Google sandbox เพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้ว่าแซนด์บ็อกซ์นั้นใช้งานได้นานแค่ไหน รวมถึงสิ่งที่ Google พูดเกี่ยวกับแซนด์บ็อกซ์ และวิธีดูว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในแซนด์บ็อกซ์หรือไม่

Google Sandbox คืออะไร?

เมื่อก่อน ถ้าคุณเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายังไงเว็บไซต์ก็จะปรากฏบนหน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว 

แต่ตั้งแต่ประมาณปี 2547 นักการตลาดออนไลน์เริ่มสังเกตเห็นว่าเว็บไซต์ใหม่ใช้เวลาในการจัดอันดับนานกว่าที่คาดไว้มาก แม้ว่าพวกเขาจะใช้เทคนิคและพยายามทำ SEO ให้ที่ดีที่สุดก็ตาม

แม้ว่าเว็บไซต์จะได้รับการจัดทำดัชนี บวกกับ Backlink จำนวนมาก พร้อมกับเนื้อหาคุณภาพที่ใส่คีย์เวิร์ด search volume สูง ๆ แต่เว็บไซต์ก้ยังไม่ถูกเครื่องมือค้นหาของ Google จัดอันดับ แม้จะขุ้นที่ Yahoo หรือ Bing ไปแล้ว

ปรากฎการณ์นี้มีชื่อว่า Google sandbox ทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวกรองหรือส่วนหนึ่งของอัลกอริทึมของ Google ที่ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใหม่ปรากฏในหน้าแรกของผลลัพธ์ของ Google

นักการตลาดหลายคนเชื่อว่าในช่วง 2-3 เดือนแรกของเว็บไซต์ (หรืออาจนานกว่านั้น) Google จะใส่ข้อมูลลงในแคชให้ แต่ยังไม่รวมไว้ในหน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาตั้งแต่หน้าที่ 2 ขึ้นไป ใจร้ายมาก!!

Google Sandbox อยู่ได้นานแค่ไหน?

เนื่องจาก Google Sandbox เป็นตัวกรองที่ไม่ได้รับการยืนยัน จึงไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าตัวกรองจะอยู่ได้นานแค่ไหน

เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าปรากฎการณ์ Sandbox นี้จะคงอยู่ในช่วง 2-3 แรกของหลังเปิดตัวเว็บไซต์ หรือถ้าใจร้ายที่สุดก็อาจอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลย

คิดโดยเฉลี่ยแล้ว ดูเหมือนว่าปรากฎการณ์ Sandbox จะคงอยู่ประมาณ 6 เดือน

ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าเว็บไซต์จะพยายามทำ SEO มากแค่ไหน ก็จะไม่ติดอันดับในหน้าแรกของ Google

Google ปฏิเสธการว่ามี Sandbox หรือไม่?

Google ไม่เคยยอมรับว่ามีตัวกรองแซนด์บ็อกซ์นี้อยู่ ท้ายที่สุดแล้ว ผลกระทบบางอย่างของแซนด์บ็อกซ์ก็สมเหตุสมผลสำหรับเว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เลย

เหมือนว่าเว็บไซต์ใหม่ ๆ ไม่มีสิทธิ์ในระดับเดียวกับที่เว็บไซต์เก่า ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่เว็บไซต์ใหม่ต้องรอระยะเวลาหนึ่งก่อนถึงจะสามารถจัดอันดับสูงได้

Google อ้างว่าสาเหตุที่เว็บไซต์ใหม่ ๆ ไม่มีอันดับสูงนั้นมาจากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้:

  • การแข่งขันสูง: มีการแข่งขันสูงสำหรับคีย์เวิร์ดและอุตสาหกรรม และเว็บไซต์ใหม่ ไม่มี authority มากพอที่จะไปแข่งกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • ขาดเนื้อหาคุณภาพ: เว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดตัวอาจยังมีเนื้อหาไม่มากพอ ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสมากนักสำหรับการเรียกยอดเข้าชมแบบออร์แกนิก
  • Backlink ไม่มากพอ: Backlink เป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ในการสร้างอำนาจในอัลกอริทึมของ Google และเว็บไซต์ใหม่ๆ อาจจะมีไม่มากพอในช่วงแรกของการเปิดตัว
  • ไม่มีสัญญาณจากผู้ใช้: สัญญาณจากผู้ใช้คือ การกระทำที่ผู้ใช้ทำบนเว็บไซต์ เช่น การคลิกส่วนต่าง ๆ ในเว็บ หรือแม้แต่การคลิกออกจากหน้าต่าง ๆ ก็ด้วย มีผลต่ออัลกอริทึมหมด และอาจส่งผลให้เว็บไซต์ใหม่ไม่มีสัญญาณจากผู้ใช้มากพอที่จะอยู่ในอันดับสูงในหน้าผลการค้นหาได้

อย่างไรก็ตาม นักการตลาดบางคนสังเกตเห็นว่าแม้แต่การใช้คีย์เวิร์ดเฉพาะที่มีการแข่งขันต่ำและชื่อหน้าแต่ละหน้าในเว็บไซต์ใหม่ ๆ ก็ช่วยเว็บไซต์น้องใหม่ในช่วงสองสามเดือนแรกของการเปิดตัวไม่ได้ แม้ว่าจะได้รับการจัดทำดัชนีแล้วก็ตาม

สิ่งนี้ทำให้หลายคนยังคงเชื่อว่า แม้ว่าแซนด์บ็อกซ์จะไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจาก Google แต่ก็ยังมีอยู่

ไม่ว่าแซนด์บ็อกซ์จะเป็นตัวกรองจริงในอัลกอริทึมหรือเป็นแค่ปัจจัยที่ทำให้ Google ไม่เต็มใจที่จะโปรโมตเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ความจริงยังคงเหมือนเดิมคือ เว็บไซต์ใหม่แรงก์ได้ยากลำบากมาก

วิธีดูว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่ใน Sandbox หรือไม่

มีตัวบ่งชี้สำคัญที่สามารถแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่ใน Google Sandbox หรือไม่

ถ้ารู้ว่าปัจจัยเหล่านี้คืออะไรแล้ว คุณก็จะสามารถเริ่มพิจารณากลยุทธ์ใหม่เพื่อต่อสู้กับปราการณ์นี้ได้ และทำให้อันดับเว็บไซต์ของคุณสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดตัวเลย

สัญญาณตัวร้ายของแซนด์บ็อกซ์:

  • Google ไม่แสดงหน้าเว็บไซต์แม้ว่าคำค้นหาจะตรงกันทั้งหมด 
  • ทำ SEO ไว้ดีมาก แต่อันดับก็ไม่ขึ้น
  • หน้าเพจและเว็บไซต์ของคู่แข่งมีอันดับสูงกว่าของคุณอย่างต่อเนื่อง
  • เครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เช่น Yahoo หรือ Bing จัดอันดับเว็บไซต์ของคุณให้สูงแต่ไม่เจอใน Google
  • เครื่องมือ SEO ของคุณแสดงการอันดับเว็บไซต์ของคุณให้สูง แต่ไม่ขึ้นใน Google 

เว็บไซต์เก่าสามารถเข้าสู่ Sandbox ได้หรือไม่?

แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเว็บไซต์ใหม่ที่ติดอยู่ในแซนด์บ็อกซ์ แต่ก็เป็นไปได้ที่ปรากฎการร์นี้จะส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์เก่าได้เช่นกัน

ถ้าเว็บไซต์ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน อาจประสบปัญหาเดียวกันกับในการจัดอันดับเว็บไซต์ใหม่

นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การทำ SEO อย่างต่อเนื่องมีความจำเป็นสำหรับทุกเว็บไซต์

google sandbox (2)

6 วิธีในการหยุด Google Sandbox ไม่ให้ส่งผลต่อกลยุทธ์ SEO ของคุณ

อ่านมาถึงตอนนี้คุณคงเข้าใจดีแล้วว่า Google Sandbox คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อเว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดใหม่หรือเว็บไซต์ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมานาน เรามาเจาะลึกกลยุทธ์บางอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อหยุดเจ้าแซนด์บ็อกซ์ไม่ให้มาขัดขวางการเปิดตัวเว็บไซต์ของคุณกัน

1. จัดทำดัชนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

แซนด์บ็อกซ์จะไม่เริ่มจนกว่าเว็บไซต์ของคุณจะได้รับการจัดทำดัชนีโดย Google การจัดทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเริ่มต้นเมื่อคุณเปิดตัวเว็บไซต์

การลงทะเบียนโดเมนของคุณบน Google Search Console และส่ง Sitemap XML ของคุณไปยัง Google วิธีนี้สามารถช่วยเร่งกระบวนการจัดทำดัชนีได้

2. เรียกยอดเข้าชมรัว ๆ 

ยอดการเข้าชมเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าเว็บไซต์ของคุณเชื่อถือได้และมีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้ เมื่อได้รับปริมาณการเข้าชมเยอะ ๆ ในช่วงสองสามเดือนแรก คุณจะออกจากแซนด์บ็อกซ์ได้เร็วขึ้น

การโพสต์แล้วกล่าวถึงเว็บไซต์ของคุณบนโซเชียลมีเดียและในฟอรัมอุตสาหกรรมก็สามารถช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้เหมือนกัน ลองทำดู

3. เริ่มสร้าง Social Signals

Google พิจารณาสัญญาณโซเชียลจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อดูว่าไซต์ของคุณได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้คุณออกจากแซนด์บ็อกซ์ได้เร็วขึ้น

คุณสามารถลองใช้โฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook หรือเพิ่มการเข้าชมจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มสัญญาณทางสังคม

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ โซเชียลมีเดียจึงเป็นหัวใจของ Digital Marketing

4. ใช้ Long-Tailed Keywords เข้าช่วย

การแข่งขันระหว่างคีย์ใหม่สั้น ๆ มันสูงมาก ถ้าเว็บไซต์คุณแรงก์แต่คำเหล่านี้ คงยากมากที่จะมีอันดับเหนือกว่าคู่แข่ง

ลองหันมาใช้ Long-Tailed Keywords ที่เฉพาะเจาะจงและมีการแข่งขันน้อย วิธีนี้คุณจะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันได้และช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นใน Google อีกด้วย

5. สร้างอำนาจให้เว็บไซต์ 

อัลกอริทึมของ Google มุ่งเน้นไปที่เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ และมีประโยชน์ คุณต้องเริ่มสร้างอำนาจ (Authority)ให้เว็บไซต์ทันทีเพื่อออกจากแซนด์บ็อกซ์ให้เร็วที่สุด

ลองใช้เทคนิคอย่างเช่น การรับ Backlink คุณภาพสูงจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง ก็อาจสามารถช่วยคุณสร้างอำนาจตรงนี้ได้

6. เน้นที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ

อยากให้พยายามเป็นการดึงดูดให้เริ่มเผยแพร่เนื้อหาจำนวนมากอย่างรวดเร็วเพื่อเริ่มได้รับลิงก์และคำหลักมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณพุชเร็วเกินไป Google อาจคิดว่าเป็นสแปม

ถ้าคุณพยายามเรียกยอดเข้าชมแบบรัว ๆ ด้วยอัปโหลดเนื้อหาจำนวนเยอะ ๆ เพื่อสร้างลิงก์และแรงก์คีย์เวิร์ดให้ได้เร็วที่สุด Google อาจจะมองเว็บน้องใหม่นี้เป็นสแปมทันที

ควรการสร้างเนื้อหาคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณของเนื้อหา

ธุรกิจไหนที่กำลังมองหาผู้ให้บริการ บริการ SEO บริษัท Digital Marketing Agency ที่ให้บริการโฆษณาออนไลน์แบบครบวงจร รวมทีมงาน ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเติบโต สามารถเข้าติดต่อ Asia Search Solution

Share: