Google Tag Manager เครื่องมือติดตามและวัดผลเว็บไซต์ ที่คุณควรรู้ !!

มีหลายคนสงสัยเวลามีคนพูดคำว่า Google Tag Manager (GTM) ขึ้นมาในบทสนทนาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ ว่ามันคืออะไรเป็นเครื่องมือของ Google แบบไหน ซึ่งหากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ Google Tag Manager (GTM) เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยคุณเกี่ยวกับโค้ดติดตามและรวบรวมการวิเคราะห์บนเว็บไซต์ของคุณ ข้อมูลที่ได้มานั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงเน้อหาเว็บไซต์ แคมเปญการตลาดออนไลน์อื่น ๆ ต่อไปนั้นเอง

ในบทความนี้ เราจะอธิบายว่าทำไมคุณจึงควรใช้ Google Tag Manager มันคือเครื่องมืออะไรกันแน่ และมีประโยชน์อย่างไรทางทางการตลาดออนไลน์หรือ Digital Marketing 

Google Tag Manager เครื่องมือติดตามและวัดผลเว็บไซต์ ที่คุณควรรู้ !!

ทำความรู้จักกับ Google Tag Manager 

Google Tag Manager หรือเรียกย่อ ๆ ว่า (GTM) ถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์หรือคนที่ทำเว็บไซต์ สร้างเครื่องมือตรวจสอบนี้ขึ้นมาโดย Google ที่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์และนักการตลาดสามารถจัดการแท็กต่าง ๆ , สคริปต์ , และส่วนต่าง ๆ ของโค้ดในเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับการติดตามและวัดผลการใช้งานของเว็บไซต์ โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดในเว็บไซต์โดยตรง 

เครื่องมือนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการแท็กหลาย ๆ ชนิดในเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้สามารถนำข้อมูลที่ได้รับจากการติดตามไปใช้ในการวิเคราะห์และปรับปปรุงวางแผนเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย 

การใช้งาน GTM ส่วนใหญ่มีการสร้างและจัดการแท็กต่าง ๆ เช่น Google Analytics , Facebook Pixe l, และแท็กอื่น ๆ โดยจะเก็บข้อมจากผู้ที่เข้ามาใช้งานหรือเข้ามาเยี่ยวชมต่าง ๆ ที่คุณสามารถเรียกดูข้อมูลเหล่านี้ได้ ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน

Google Tag Manager เครื่องมือติดตามและวัดผลเว็บไซต์ ที่คุณควรรู้ !!

Google Tag Manager ทำงานอย่างไร ?

แน่นอนว่า Google Tag Manager เป็นเครื่องมือตรวจสอบโดยโดยการให้ผู้ใช้สร้างและจัดการแท็กต่างๆ บนเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกสบายผ่านอินเตอร์เฟซของเว็บบราวเซอร์ โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดของเว็บไซต์โดยตรง  ทำให้ Google Tag Manager มีการทำงานโดยผู้ใช้สร้างแท็กต่าง ๆ ที่ต้องการติดตามหรือวัดผลบนเว็บไซต์ เช่น Google Analytics, Facebook Pixel, หรือแท็กอื่น ๆ โดย GTM มีแท็กที่พร้อมใช้งานแล้วหลายประเภทที่สามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ 

องค์ประกอบหลักของ Google Tag Manager (GTM) ที่ต้องทำความเข้าใจ

หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า Google Tag Manager (GTM) นั้นมีประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก ๆ อยู่ 3 อย่างคือ Tags , Triggers และ Variables แต่จริง ๆ แล้วมีมากว่านั้นเพื่อให้ผู้ที่ไม่รู้จักกับ GTM สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และใช้งานได้งานขึ้น โดยมีองค์ประกอบหลัง ๆ  ดังต่อไปนี้

  • Container : Container เป็นบริเวณที่ใช้เก็บและจัดการกับแท็ก และสคริปต์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่คุณต้องการตรวจสอบ
  • แท็ก (Tags) : แท็กเป็นโค้ด JavaScript หรือ HTML ที่ใช้เพื่อติดตามและวัดผลการใช้งานบนเว็บไซต์ ตัวอย่างของแท็กที่สามารถเพิ่มได้ใน GTM ได้แก่ Google Analytics, Facebook Pixel, Google Ads Conversion Tracking, และอื่น ๆ
  • เงื่อนไข (Triggers): เงื่อนไข หรือที่เรียกว่า Triggers คือการกำหนดเหตุการณ์หรือเงื่อนไขที่จะทำให้แท็กทำงาน โดยที่เงื่อนไขนี้สามารถเกิดขึ้นจากการคลิกที่ลิงก์, การโหลดหน้าเว็บ,การสมัครสมาชิก และอื่น ๆ
  • ตัวแปร (Variables): ตัวแปรเป็นข้อมูลที่ใช้ในการกำหนดเงื่อนไขหรือการตั้งค่าของแท็ก โดย GTM มีตัวแปรที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าแล้ว เช่น URL ของหน้าเว็บ, ชนิดของอุปกรณ์, และเวลา
  • ตัวอย่าง (Templates): Templates เป็นรูปแบบของแท็กที่ได้รับการสร้างไว้ล่วงหน้าใน GTM เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มแท็กต่างๆ ใน GTM ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เช่น แท็ก Google Analytics Universal Analytics หรือ Facebook Pixel
  • โหมดการตรวจสอบ (Preview Mode): Preview Mode เป็นโหมดที่ใช้ในการทดสอบแท็กก่อนที่จะเผยแพร่ไปยังเว็บไซต์จริง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและตรวจสอบความถูกต้องของแท็กได้อย่างมั่นใจก่อนที่จะประกาศให้ใช้งานแบบสากล

ประโยชน์ของการใช้ Google Tag Manager (GTM) มีอะไรบ้าง ?

สำหรับ GTM เป็นเครื่องมือมีประสิทธิภาพมาก ๆ และเป็นเครื่องมือที่สำคัญของนักการตลาดทุก ๆ คนสำหรับการติดตามและวัดผลการใช้งานของเว็บไซต์ธุรกิจของตนเอง โดยให้ข้อมูลที่เป็นประโยนต์และนำไปใช้เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงกิจกรรมต่าง ๆ บนเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราได้ย่อยประโยชน์ที่จะได้รับจาก GTM เป็นข้อ ๆ ดังนี้

การจัดการแท็กและสคริปต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทาง Google ได้ออกแบบการใช้งานของ GTM ให้ผู้ใช้มีความสะดวกสบายต่อการใช้งาน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและปรับแต่งแท็กต่าง ๆ และสคริปต์ที่ใช้ในเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดของเว็บไซต์โดยตรง ลดความยุ่งยากต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำมากที่สุด 

เพิ่มความยืดหยุ่นในการติดตามและวัดผล

ทาง GTM มีฟีเจอร์มากมายที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานเพิ่มแท็กต่าง ๆ เพื่อติดตามและวัดผลการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ได้อย่างหลากหลาย เช่น ติดตามการเข้าชมเว็บไซต์, การคลิกที่ปุ่ม, การกรอกแบบฟอร์ม, และการทำซื้อสินค้า เป็นต้น ซึ่งนำมาสู่ข้อมูลที่สำคัญที่จะนำไปใช้ในการวิเคราะห์แผนการตลาด และสร้างแคมเปญการตลาดออนไลน์ใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลดความเสี่ยงในการผิดพลาด

ไม่ต้องการว่าข้อมูลที่ได้จาก GTM เพราะทาง Google ออกแบบเครื่องมือนี้มาเป็นอย่างดี ทำให้การใช้ GTM ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาดในการติดตั้งและการปรับแต่งแท็กต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานใส่ลงไป และมีฟีเจอร์ที่สามารถทดสอบแท็กในโหมดตัวอย่าง (Preview Mode) ก่อนเผยแพร่ไปยังเว็บไซต์จริงได้อีกด้วย

การทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถือเป็นของดีของ GTM สามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Google Analytics, Google Ads, Facebook Ads, LinkedIn Ads และอื่น ๆ ผู้ใช้สามารถนำแท็กต่าง ๆ ไปใส่ใน GTM ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมข้อมูลการใช้งานและวัดผลการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คุณใช้งานอยู่ และข้อมูลที่ได้ก็มีความหลายหลายมากยิ่งขึ้น

เพิ่มความสะดวกสบายในการจัดการ

แน่นอนว่า GTM นั้นสร้างความสะดวกสบายในการจัดการข้อมูลที่ได้รับด้วยอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายของ GTM คุณสามารถสร้างและจัดการแท็กต่าง ๆ และเหตุการณ์ต่าง ๆ บนเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกสบาย และยังสามารถแบ่งปันการทำงานกับทีมได้โดยง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเป็นข้อดีหนึ่งของ GTM ทำให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน 

ปรับแต่งได้ตามความต้องการ

GTM มีความสามารถสูงในการปรับแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาก ๆ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการติดตามและวัดผลตามความต้องการของธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณได้อย่างอิสระเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาแม่นยำมากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาใน GTM โดยไม่ต้องรอผู้พัฒนาเว็บอีกด้วย

Key components of Google Tag Manager (GTM) that you need to understand

วิธีการใช้งาน Google Tag Manager (GTM) ทำได้อย่างไรบ้าง

สำหรับใครที่ต้องการใช้ Google Tag Manager (GTM) เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจหรือนำมาเป็นข้อมูลเพื่อวางแผนการตลาดออนไลน์ในอนาคต การใช้ Google Tag Manager (GTM) เพื่อได้มาซึ่งข้อมูลที่จำเป็นต่าง ๆ มีความสำคัญมาก ๆ โดยคุณสามารถเข้ามาใช้งานได้ง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

  1. สร้างบัญชี Google Tag Manager: เข้าสู่เว็บไซต์ Google Tag Manager (https://tagmanager.google.com/) แล้วลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Google ของคุณ หากยังไม่มีบัญชี GTM สามารถสร้างได้โดยฟรีผ่านบัญชี Google ของคุณ
  2. สร้าง Container: Container เป็นพื้นที่ที่บรรจุแท็กและการตั้งค่าของ GTM สำหรับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน คุณสามารถสร้าง Container ใหม่โดยใส่ชื่อและเลือกโค้ด Container สำหรับเว็บไซต์ของคุณ
  3. เพิ่มแท็ก: หลังจากสร้าง Container เสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเพิ่มแท็กต่างๆ เข้าไปใน Container โดยคลิกที่ “Add a new tag” แล้วเลือกแท็กที่ต้องการ เช่น Google Analytics, Facebook Pixel, หรือแท็กอื่นๆ
  4. กำหนด Trigger: หลังจากเพิ่มแท็กแล้ว คุณต้องกำหนด Trigger หรือเงื่อนไขที่จะทำให้แท็กเริ่มทำงาน เช่น เมื่อมีการคลิกที่ลิงก์บนเว็บไซต์ หรือเมื่อมีการโหลดหน้าเว็บ เป็นต้น
  5. เผยแพร่: เมื่อคุณตั้งค่าแท็กและ Trigger เสร็จสิ้น คุณสามารถกดปุ่ม “Submit” เพื่อเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดไปยังเว็บไซต์ของคุณ
  6. ทดสอบและตรวจสอบ: หลังจากการเผยแพร่ คุณควรทดสอบและตรวจสอบว่าแท็กทำงานตามที่คุณต้องการหรือไม่ โดยใช้โหมดการตรวจสอบ (Preview Mode) ใน GTM เพื่อตรวจสอบว่าแท็กทำงานอย่างถูกต้องกับการกระทำของผู้ใช้บนเว็บไซต์
  7. การจัดการและปรับแต่ง: คุณสามารถเข้าไปแก้ไขแท็กหรือเพิ่มเงื่อนไข Trigger ในภายหลังได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดของเว็บไซต์โดยตรง
  8. การใช้ Google Tag Manager มีขั้นตอนอย่างละเอียดและควรปฏิบัติตามเกณฑ์ที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการในการติดตามและวัดผลการใช้งานของเว็บไซต์ของคุณ

สรุป

Google Tag Manager (GTM) ถือเป็นเครื่องมือที่เข้ามามีบทบาทมาก ๆ ในการช่วยให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่สำคัญทางการตลาดออนไลน์หลาย ๆ อย่าง โดยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและปรับแต่งการติดตามและวัดผลการใช้งานบนเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถเพิ่มและจัดการแท็กต่าง ๆ เพื่อติดตามและวัดผลการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกสบายและแม่นยำมากที่สุด โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดของเว็บไซต์โดยตรง 

ทำให้ GTM ช่วยลดความยุ่งยากและเพิ่มความเร็วในการดำเนินการทางการตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูลของเว็บไซต์ของธุรกิจต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งและปรับปรุงการติดตามได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการของธุรกิจหรือเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยทำการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการทำ SEO บริการ Google Ads สามารถเข้ามาใช้บริการ Asia Search Solution บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ ของเราได้เลย

Share: