google ads คือ อะไร เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าชมได้อย่างไร

Louis Potsavee
September 8, 2023

ทุกวินาที มีการค้นหาหลายพันล้านครั้งบน Google และหน้าผลการค้นหาส่วนใหญ่มีโฆษณา Google ด้วยการซื้อ Google Ads ที่ธุรกิจต่าง ๆ ต้องชำระเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเข้าชมที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาของผู้คน หากมีผู้คนค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ผู้คนค้นหาประเภทผลิตภัณฑ์หรือบริการ เว็บของคุณก็จะเข้าไปยังหน้าแรกอันดับต้น ๆ ของการค้นหาใน Google ทันที 

เป็นหนึ่งใน Digital Marketing ที่สร้างประสิทธิภาพในการเข้าถึงธุรกิจของคุณได้ง่าย ๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าบริการที่สูง ซึ่งค่าบริการต่าง ๆ จะถูกกำหนดด้วยคำค้นหาที่เยอะที่สุด ยิ่งเป็นคำค้นหาที่สั้น ๆ และมีคนคนหาเยอะ Google Ads ก็จะมีราคาแพงขึ้น หลาย ๆ คนอาจจะยังงง ๆ กับการให้บริการ Google Ads

ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่าโฆษณา Google คืออะไร โฆษณา Google ทำงานอย่างไร และเหตุใดคุณจึงควรใช้โฆษณา Google ของคุณเอง

google ads

Google Ads คือ อะไร

Google Ads เป็นชื่อของแพลตฟอร์มแบบจ่ายต่อคลิก หรือที่เรียกว่า PPC  เป็นบริการของ Google เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สร้างการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายสามารถมองเห็นผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของคุณได้จากการค้นหา การโฆษณา Google Ads ประเภทที่พบบ่อยที่สุดคือโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหา ซึ่งจะปรากฏบนหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) ที่เราเรียกกันว่า SEM สำหรับการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของผู้ลงโฆษณา ซึ่งจะแต่งต่างจากการใช้บริการ Google Ads เพื่อแสดงโฆษณาแบบดิสเพลย์ โฆษณา Shopping โฆษณา YouTube , และอื่น ๆ 

ประเภทของ Google Ads ที่ให้บริการอยู่

สำหรับทาง Google Ads ยังมีหลาย ๆ บริการโฆษณาที่ไม่ใช่เพียงเพื่อรองรับการค้นหาเพียงอย่างเดียวยั้งบริการอื่น ๆ ดังนี้

โฆษณาบนการค้นหาของ Google

ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของ Google SERP ที่มีโฆษณา ผลลัพธ์ที่ต้องชำระเงินมีสองส่วน : ส่วนหนึ่งอยู่เหนือเว็บที่ที่ไม่ชำระเงินหรือทั่วไป และอีกส่วนด้านล่าง

โฆษณาแบบรูปภาพของ Google

ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น คุณยังสามารถใช้งานแคมเปญดิสเพลย์ที่ปรากฏบนเครือข่ายดิสเพลย์ของ Google ซึ่งเป็นกลุ่มเว็บไซต์ภายนอกของบุคคลที่สามที่ตกลงใช้บริการแสดงโฆษณา Google โฆษณาแบบดิสเพลย์ของ Google สามารถอยู่ในรูปแบบข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือสื่อสมบูรณ์ และสามารถกำหนดเป้าหมายที่แตกต่างกันได้ เช่น ผ่านกลุ่มเป้าหมายและรีมาร์เก็ตติ้ง

ในปัจจุบันการทำการตลาดโดยการ โฆษณาแบบรูปภาพของ Google จะไม่ค่อยปรากฎให้เห็นมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมเยอะ  ๆ ในการทำ โฆษณาแบบรูปภาพมากกว่า และ มีหลายธุรกิจเลือกใช้ Facebook Ads เพื่อเข้าถึงผู้คนได้ตรงกลุ่มมากว่า

โฆษณาช้อปปิ้งของ Google

โฆษณา Shopping ของ Google ปรากฏทั้งบน SERP ปกติและในแท็บ Shopping โฆษณาเหล่านี้ทำงานแตกต่างจากโฆษณาบนการค้นหาทั่วไป เนื่องจากคุณไม่สามารถกำหนดเป้าหมายคำหลักได้ แต่คุณเก็บแค็ตตาล็อกโดยละเอียดของผลิตภัณฑ์ไว้ แล้ว Google จะจับคู่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกับการค้นหา อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบอก Google ได้ว่าคำหลักใดที่คุณไม่ต้องการให้โฆษณาปรากฏ (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Shopping Ads )

โฆษณา YouTube

หลาย ๆ คนยังไม่รู้ว่าYouTube เป็นส่วนหนึ่งของ Google  เนื่องจาก Google เป็นเจ้าของ การโฆษณาบน YouTube จึงดำเนินการผ่าน Google Ads คุณสามารถสร้างวิดีโอ ข้อความ หรือโฆษณาแบบดิสเพลย์ที่ปรากฏระหว่างและก่อนวิดีโอและที่อื่น ๆ บนแพลตฟอร์มได้ การกำหนดเป้าหมายโฆษณา YouTube ทำงานคล้ายกับการกำหนดเป้าหมายแบบดิสเพลย์

โฆษณา YouTube

เหตุผลที่ Google Ads ปรากฏบน SERP

Google Ads มุ่งเน้นไปที่คีย์เวิร์ด ซึ่งเป็นคำที่ผู้คนมีแนวโน้มจะใช้มากที่สุดเมื่อค้นหาผลิตภัณฑ์หรือสิ่งที่ต้องการรู้ เมื่อผู้ลงโฆษณาสร้างแคมเปญการค้นหาของ Google Ads คุณจำเป็นต้องจะสร้างโฆษณาที่มีข้อเสนอเฉพาะเจาะจง และเลือกรายการคำหลักเพื่อกำหนดเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอนั้น เมื่อมีผู้ค้นหาบน Google (หรือที่เรียกว่าข้อความค้นหา) Google จะตรวจสอบว่ามีผู้ลงโฆษณารายใดเสนอราคาสำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้องกับการค้นหานั้นหรือไม่ หากมี โฆษณาจะปรากฏบน SERP นั้น

Google ตัดสินใจว่าจะแสดงโฆษณาใด เข้าสู่ การประมูล Google Ads ยิ่งจ่ายสูงการทำงาน Google ยิ่งจะช่วยดันเว็บของคุณไปในตำแหน่งที่ดีที่สุด

เราอธิบายโดยอย่างละเอียดได้ว่าการประมูลของ Google Ads ทำงานอย่างไรแต่มันน่าจะใช้เวลา เราจะสรุปให้ทราบโดยย่อ หากเมื่อมีผู้ค้นหาบน Google ผู้ลงโฆษณากำลังเสนอราคาสำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้องกับข้อความค้นหา Google จะใส่คำหลักทั้งหมดเข้าสู่การประมูลที่เห็นว่าเกี่ยวข้อง หนึ่งรายการต่อบัญชี

ขั้นแรกจะให้คะแนนคุณภาพแก่คำหลักแต่ละคำตั้งแต่ 1-10 โดยพิจารณาจากความเกี่ยวข้องกับข้อความค้นหาและปัจจัยอื่น ๆ จากนั้น จะให้คะแนนลำดับโฆษณาให้กับคำหลักแต่ละคำโดยการคูณคะแนนคุณภาพด้วยราคาเสนอสูงสุดของผู้ลงโฆษณาที่เกี่ยวข้อง โฆษณาที่มีคะแนนลำดับโฆษณาสูงสุดคือโฆษณาที่แสดง

บทความที่เกี่ยวข้อง เหตุผลที่ควรใช้ Google Ads สร้างกลยุทธ์ทางการตลาดดิจิทัล

หากต้องการ “ชนะ” การประมูลของ Google Ads และโฆษณา Google ของคุณปรากฏสำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้อง คุณจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพคะแนนคุณภาพเว็บไซต์และจำนวนราคาเสนอของคุณ ยิ่งคะแนนคุณภาพของคุณสูงร่วมกับราคาเสนอของคุณสูงตาม ตำแหน่งโฆษณาของคุณก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ปัจจัยต่อไปนี้ (อื่นๆ) ส่งผลต่อคะแนนคุณภาพเว็บไซต์ของคุณ:

  • ความเกี่ยวข้องของโฆษณา Google ของคุณกับคำค้นหา
  • ความเกี่ยวข้องของคำหลักของ Google กับกลุ่มโฆษณาของคุณ
  • ความเกี่ยวข้องของโฆษณาของคุณกับหน้า Landing Page
  • อัตราการคลิกผ่าน (CTR) ที่ผ่านมาของโฆษณาและกลุ่มโฆษณา
  • ประสิทธิภาพบัญชีโดยรวมในอดีต

การได้รับคะแนนคุณภาพสูงยังมีประโยชน์โดยรวมอีกด้วย ดังนี้ :

  • ลดต้นทุน– Google ให้รางวัลผู้ลงโฆษณาด้วยคะแนนคุณภาพสูงโดยการลดราคาต่อหนึ่งคลิก (CPC) ซึ่งจะช่วยปรับปรุง ROI
  • การมองเห็นที่สูงขึ้น – เมื่อคุณมีคะแนนคุณภาพสูง โฆษณาของคุณจะแสดงบ่อยขึ้น ในตำแหน่งที่ดีกว่าบน SERP—ด้านบนและด้านล่างของหน้า ซึ่งจะทำให้คุณได้รับคลิกและ Conversion เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มราคาเสนอ
  • หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูอินโฟกราฟิกนี้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการทำงานของการประมูลของ Google Ads ให้ดียิ่งขึ้น

Google Ads ทำงานอย่างไร

Google Ads ทำงานภายใต้รูปแบบการจ่ายต่อคลิก (PPC) นั่นหมายความว่านักการตลาดกำหนดเป้าหมายคำหลักเฉพาะบน Google และเสนอราคาสำหรับคำหลักนั้น โดยแข่งขันกับผู้อื่นที่กำหนดเป้าหมายคำหลักด้วย

ราคาเสนอที่คุณทำคือ “ราคาเสนอสูงสุด”  หรือราคาสูงสุดที่คุณยินดีจ่ายสำหรับโฆษณา

ตัวอย่างเช่น หากราคาเสนอสูงสุดของคุณคือ 50 บาท และ Google กำหนดว่าราคาต่อหนึ่งคลิกของคุณคือ 30 บาท คุณก็จะได้ตำแหน่งโฆษณานั้นทันที! หากพวกเขาพิจารณาว่ามากกว่า 40 คุณจะไม่ได้รับตำแหน่งโฆษณาที่ดีที่สุด

หรือคุณสามารถกำหนดงบประมาณรายวันสูงสุดสำหรับโฆษณาของคุณได้ คุณจะไม่มีวันใช้จ่ายเกินจำนวนที่กำหนดสำหรับโฆษณานั้นต่อวันอย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจได้ดีขึ้นว่าคุณควรตั้งงบประมาณสำหรับแคมเปญโฆษณาดิจิทัลของคุณเป็นจำนวนเท่าใด นักการตลาดมี 3 ทางเลือกในการเสนอราคาคือ 

  • ราคาต่อหนึ่งคลิก (CPC) จำนวนเงินที่คุณจ่ายเมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาของคุณ
  • ราคาต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) จำนวนเงินที่คุณจ่ายต่อการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้ง
  • ราคาต่อการมีส่วนร่วม (CPE) จำนวนเงินที่คุณจ่ายเมื่อผู้ใช้ดำเนินการบางอย่างกับโฆษณาของคุณ (ลงชื่อสมัครใช้รายการ ดูวิดีโอ ฯลฯ)

จากนั้น Google จะใช้ราคาเสนอและจับคู่กับการประเมินโฆษณาของคุณที่เรียกว่าคะแนนคุณภาพ ตามที่ Google กำหนด

คะแนนคุณภาพคือค่าประมาณคุณภาพของโฆษณา คำหลัก และหน้า Landing Page ของคุณ โฆษณาคุณภาพสูงขึ้นอาจทำให้ราคาลดลงและอันดับโฆษณาดีขึ้น

เรียนรู้เพิ่มเติ่มเกี่ยวกับ การทำงานของ Google ads

google ads

ค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณา Google Ads 

ค่าใช้จ่ายของ Google Ads แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของคำหลักและอุตสาหกรรมของคุณอีกด้วย รวมถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเว็บไซต์คุณ คุณภาพของแคมเปญโฆษณาของคุณ และอื่น ๆ

สำหรับธุรกิจในที่ต้องการเข้าใช้บริการ Google Ads  คุณสามารถเข้ามาใช้บริการ Digital Marketing Agency ซึ่งจะมีให้บริการเพื่อช่วยเหลือในทุก ๆ ธุรกิจที่ต้องการดันให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นหาในคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณ ให้สามารถเพิ่มการมองเห็นและโอกาสในการซื้อขายที่สูงขึ้นจากการทำ Google Ads ที่มีประสิทธิภาพจากผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้จริง ๆ ทาง Asia Search จึงต้องการให้ทุกธุรกิจประสบความสำเร็จจากการทำ Digital Marketing 

Share:

Author
Louis Potsavee

หลุยส์นักเขียนบทความที่สามารถเขียนบทความได้ทุกรูปแบบตามข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อให้เกิดบทความใหม่ ๆ ในรูปแบบที่ผู้คนสามารถเข้ามาอ่านได้ง่ายขึ้น เกี่ยวกับ Digital Marketing เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักการตลาดทุกคน