keywords คืออะไร?

keywords (คีย์เวิร์ด) คือ แนวคิดและหัวข้อที่กำหนดว่าเนื้อหาของคุณเกี่ยวกับอะไร ในมุมของ SEO คีย์เวิร์ดคือคำและวลีที่ผู้ค้นหาป้อนเข้าไปใน Search Engine เพื่อค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องมากที่สุด หรือเรียกอีกอย่างว่า “ข้อความค้นหา” สิ่งที่คนทำเว็บต้องทำคือใส่คีย์เวิร์ดลงไปในทุกอย่างในหน้าเพจ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ ข้อความ และอื่น ๆ โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดหลักของคุณ

ในฐานะเจ้าของเว็บไซต์และผู้สร้างเนื้อหา ควรใส่คีย์เวิร์ดในหน้าเพจให้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้คนค้นหา เพื่อสร้างโอกาสในการแสดงหน้าเพจบนผลลัพธ์ของหน้าผลการค้นหา (SERP) 

คีย์เวิร์ดนั้นสำคัญไฉน?

คีย์เวิร์ดมีความสำคัญมากกกกก…เพราะคือแกนหลักระหว่างสิ่งที่ผู้คนกำลังค้นหาและเนื้อหาที่คุณจัดทำเพื่อเติมเต็มความต้องการนั้น เป้าหมายในการจัดอันดับใน Search Engine คือการเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิกให้ไซต์ของคุณจาก SERP คีย์เวิร์ดที่คุณเลือกกำหนดเป้าหมาย (คำที่อยากไต่แรงก์) จะเป็นตัวกำหนดประเภทของการเข้าชมที่คุณจะได้รับ 

คีย์เวิร์ดต้องเกี่ยวกับผู้ชมมากพอ ๆ กับเนื้อหาของคุณ เพราะบางครั้งคุณอาจอธิบายเนื้อหาในลักษณะที่แตกต่างไปจากที่ผู้ชมต้องการจริง ๆ ในการสร้างเนื้อหาให้ถูกจัดอันดับที่ดีและดึงดูดผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ คุณจะต้องเข้าใจความต้องการของผู้เข้าชมเหล่านั้น — ภาษาที่พวกเขาใช้และประเภทของเนื้อหาที่พวกเขาค้นหา คุณสามารถทำได้โดยการพูดคุยกับลูกค้าของคุณ สำรวจการใช้งานของผู้ใช้งานบ่อยๆ และทำการค้นคว้าคีย์เวิร์ดของคุณเองด้วยเครื่องมือ เช่น  Keyword Explorer

keywords คืออะไร (1)

Long-Tail Keyword คืออะไร?

คีย์เวิร์ดสามารถเขียนยาว ๆ เป็นวลีได้เหมือนกัน ส่วนใหญ่เราจะเห็นเป็นคำสั้น ๆ ที่เรียกว่า “head keyword” หรือ “seed keyword” แต่ Long-Tail Keyword เป็นคำหลายคำที่รวมกันเพื่อให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

การกำหนดเป้าหมายและการจัดอันดับสำหรับคีย์เวิร์ดคำเดียวอาจดูเหมือนเป็นเป้าหมายสูงสุด แต่บอกเลยว่ายากมาก แม้ว่าคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะมีปริมาณการค้นหาสูงที่หมายความว่ามีผู้คนค้นด้วยคีย์เวิร์ดเหล่านี้จำนวนมาก แต่ก็มีการแข่งขันที่รุนแรงมากเหมือนกัน ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ถ้าคุณต้องการให้ร้านเสื้อผ้าบูติคของคุณจัดอันดับด้วยคีย์เวิร์ด “เสื้อผ้า” ที่มีปริมาณการสูงมาก และเว็บแรงก์อันดัยต้น ๆ คือ Amazon, H&M และ Nordstrom มันก็คงจะยากไม่ใช่น้อยเลยที่จะแซงหน้าเว็บเจ้าใหญ่ ๆ แบบนี้

นอกเหนือไปจากการแข่งขันที่รุนแรงแล้ว คีย์เวิร์ดคำเดียวยังคลุมเครือจนน่าโมโห ถ้ามีคนค้นหาคำว่า “สุนัข” คุณจะไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการรายชื่อสายพันธุ์สุนัข ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารสุนัข สถานที่ซื้อปลอกคอสุนัข หรือเพียงแค่เว็บไซต์ที่มีรูปสุนัขน่ารัก ๆ ทำให้จับจุดการสร้างเนื้อหาได้ยยากตามไปด้วย

แต่ Long-Tail Keyword กลับมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนกว่า ตัวอย่างเช่น “อาหารสุนัขออร์แกนิกที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัข” หรือ “สุนัขราคาไม่แพงในเชียงใหม่” แน่นอนว่า Long-Tail Keyword มีปริมาณการค้นหาที่น้อยกว่า แต่การแข่งขันน้อยตามไปด้วย ข้อดีคือ ทำให้เว็บไซต์เล็ก ๆ มีพื้นที่ให้เข้ามาโลดแล่น และไต่แรงก์ในอันดับต้น ๆ ของหน้าผลการค้นหาได้ง่าย แถมยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่มกว่าด้วย 

ใส่คีย์เวิร์ดตรงไหนให้ดีต่อการทำ SEO 

มีกฎการใช้คีย์เวิร์ดพื้นฐานไม่กี่ข้อให้คุณทำตาม ทางที่ดีที่สุดคือควรใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ ไม่งั้นบอทเก็บข้อมูลของ Search Engine ได้สับสนแน่ว่าคุณจะแรงก์คีย์เวิร์ดคำนั้นด้วยหน้าไหนกันแน่ บอกเลยไม่เป็นผลดี 200%

จุดสำคัญที่ควรวางคีย์เวิร์ด ได้แก่ :

  1. URL
  2. Title Tag
  3. Meta Description
  4. Page Title (H1)
  5. Subheading (H2)
  6. เนื้อหา
  7. Image Alt

องค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้หลังจากที่คุณเผยแพร่เนื้อหาไปแล้ว ยกเว้น URL ที่จะใส่แล้วใส่เลย ห้านเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด!! 

  • URL คือที่อยู่เว็บสำหรับหน้าเว็บของคุณและจะแสดงในผลการค้นหา ใช้เพื่อสร้างลิงก์และแสดงในแถบที่อยู่ ควรสร้าง URL เพื่อให้อ่านง่ายและใส่คีย์เวิร์ดเป้าหมายเข้าไปด้วย สร้าง URL ให้มีโครงสร้างเรียบง่ายและเข้าใจได้ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
  • Title Tag จะแสดงในผลการค้นหาและแท็บเบราว์เซอร์ ความยากคือต้องเขียนเพื่อให้คนอื่น และปรับให้เหมาะสมสำหรับบอทด้วย เพราะมันเป็นเหมือนประตูหน้าบ้านของหน้าเพจ ตั้งชื่อให้กระชับ อ่านง่าย เข้าใจได้และการกระตุ้นการคลิกด้วย แต่อย่าตกหลุมพรางด้วยหารใส่คลิกเบตเข้าไปเด็ดขาด คุณอาจเชื่อว่ามันช่วยดึงดูดให้คนคลิกมากขึ้น โดยตั้งชื่อที่คลุมเครือเพื่อดึงดูดผู้คนให้คลิกเข้ามาอ่านเนื้อหาในหน้าเพจ แต่การปลอมแปลงว่าหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร แสดงว่าคุณกำลังปกปิดเจตนาที่แท้จริงของหน้าเพจ แทนที่จะใช้พลังของคีย์เวิร์ดให้เป็นประโยชน์
  • Meta description จะแสดงในผลการค้นหา เราต่างรู้กันดีว่าส่วนนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้ และในบางครั้งถ้าคุณไม่ใส่ Google จะเขียนใหม่ได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะดีไหม เขียนเองดีกว่าเพราะเราเขียนให้ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละหน้าได้ แถมยังใส่คีย์เวิร์ดเป้าหมายได้อีกด้วย
  • แท็ก H1 จะแสดงบนเนื้อหาของหน้าเพจ H1 ช่วยจัดรูปแบบเนื้อหาของคุณ เพื่อให้คนอ่านได้ และแสดงให้บอทเห็นถึงความเกี่ยวข้อง
  • เนื้อหา ตรงส่วนนี้ควรใส่คีย์เวิร์ดเป้าหมายไว้อย่างเป็นธรรมชาติ การยัดคีย์เวิร์ดลงบนหน้าเพจไม่ใช่เรื่องดีเลย คุณควรสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและให้คุณค่าที่แท้จริงแก่ผู้ใช้ การเขียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและคุณภาพสูง เนื้อหาถูกต้อง ไม่ซ้ำใคร และดึงดูดผู้เข้าชมต่างหากจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังบอท Google อาจใช้เวลานาน แต่เชื่อเถอะว่ายังไงก็คุ้มค่า ถ้าอยากจะการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ด้วยเนื้อหาของคุณ
  • Image Alt text ส่วนนี้มักถูกมองข้ามโดยเจ้าของเว็บไซต์อยู่บ่อย ๆ แน่นอนว่าสำหรับผู้เข้าชมอาจจะไม่ส่งผลเสียอะไร เพราะคนเข้าใจรูปภาพได้ แต่กลับบอทเก็บข้อมูลไม่ใช่ เพราะบอทอาศัย Alt text ในการอ่านรูปภาพ หากไม่ใส่ก็อาจเสียคุณค่าตรงนี้จากบอทไปเลย น่าเสียดายมาก

การใส่คีย์เวิร์ดของคุณในจุดต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ เป็นวิธีพื้นฐานที่สุดในการกำหนดเป้าหมายเนื้อหาของคุณไปยังผู้ค้นหา อาจจะไม่ได้ทำให้คุณขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ในทันที แต่ SEO ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น การไม่ทำตามขั้นตอนพื้นฐานเหล่านี้อาจทำให้คุณไม่สามารถจัดอันดับด้วยวิธีอื่นได้ สำหรับใครที่ต้องการ ทำ SEO ให้เว็บธุรกิจของคุณ มีคนค้นหาเยอะที่สุด สามารถเข้ามาปรึกษาเราได้ที่ Digital Marketing Agency กับ Asia Search Solutions Co.,ltd บริการโฆษณาออนไลน์แบบครบวงจร

บทความที่เกี่ยวข้อง วิธี Optimize รูปภาพให้ SEO-Friendly

keywords คืออะไร (2)

ค้นหาคีย์เวิร์ดยังไงให้ได้ประสิทธิภาพ

  1. ค้นหาคีย์เวิร์ดเพื่อทำความเข้าใจผู้ชมให้ดียิ่งขึ้นและเพื่อรวบรวมคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
  2. จับคู่คีย์เวิร์ดของคุณกับ Search Intent ของผู้ใช้
  3. ใส่คีย์เวิร์ดของคุณใน Title Tag เนื้อหา แท็ก H1 URL ของหน้า Meta Description และ alt tag และควรใส่คีย์เวิร์ดในปริมาณที่เหมาะสมด้วย
  4. ทำการวิจัยคีย์เวิร์ดเป็นประจำเพื่อให้ตามทันเทรนด์ใหม่ ๆ 

ใช้คีย์เวิร์ดเพื่อกำหนดกลยุทธ์เนื้อหา

แม้ว่าคุณจะสามารถสร้างเนื้อหาที่แรงก์ด้วยคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับคำนั้น ๆ ได้บ่อยครั้ง แต่มันไม่ใช่เรื่องดี คุณควรหาวิธีจับคู่กับคีย์เวิร์ด แนะนำให้สร้างสิ่งที่เรียกว่า “แผนผังเนื้อหากับคีย์เวิร์ด” การสร้างแผนผังนี้สามารถช่วยให้คุณเข้าใจผลกระทบของเนื้อหาที่มีอยู่ และระบุจุดอ่อนหรือช่องว่างที่ต้องเติมเต็มได้

เนื่องจากคีย์เวิร์ดมีหน้าที่กำหนดเนื้อหาให้แต่ละหน้าในเว็บไซต์ เราจึงสามารถช้คีย์เวิร์ดจัดระเบียบเนื้อหาและกำหนดกลยุทธ์ได้ วิธีพื้นฐานที่สุดคือเริ่มสร้างสเปรดชีตเพื่อระบุคีย์เวิร์ดสำหรับแต่ละบทความ จากนั้น คุณสามารถสร้างชีตตามความต้องการของคุณเอง อาจมีปริมาณการค้นหาคีย์เวิร์ด การเข้าชมแบบออร์แกนิก การให้สิทธิ์เพจ และตัวชี้วัดอื่นๆ ที่สำคัญต่อธุรกิจของคุณ

ตามหลักการแล้ว ถ้าอยากให้แต่ละหน้าในเว็บไซต์ของคุณกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดที่ไม่ซ้ำใคร เช่น ถ้าเป็นหน้าแรกก็อาจจะกำหนดเป้าหมายด้วยคีย์เวิร์ดที่กว้าง ๆ  และเมื่อคุณสร้างหน้าหมวดหมู่ หน้าผลิตภัณฑ์ และบทความ ก็ค่อย ๆ ใช้คีย์เวิร์ดที่เจาะลึกลงไป เพื่อกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

ฉันจะค้นพบคีย์เวิร์ดยอดนิยมได้ยังไง?

คุณสามารถค้นพบคีย์เวิร์ดยอดนิยมได้จากการดูคู่แข่งในอุตสาหกรรมของคุณ หรือลองทำความเข้าใจคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าของคุณใช้ค้นหา แต่วิธีที่ยอดเยี่ยมในการค้นหาคีย์เวิร์ดยอดนิยมคือการใช้เครื่องมือสำรวจคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ที่แค่ป้อนคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหลักของคุณเข้าไป จากนั้นเครื่องมือจะแสดงคีย์เวิร์ดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องพร้อมกับปริมาณการค้นหาให้แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือคัดกรองเพื่อดูคีย์เวิร์ดเหล่านั้นที่มีปริมาณการค้นหาสูงสุด จำไว้ว่า คีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาสูง อาจไม่ใช่คีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดที่จะใช้เสมอไป

กลยุทธ์คีย์เวิร์ดคืออะไร?

กลยุทธ์คีย์เวิร์ดคือ แผนที่สร้างขึ้นจากผลการค้นหาคีย์เวิร์ดของคุณ จะเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดเป้าหมายที่คุณเลือก รวมถึงตำแหน่งและวิธีที่คุณเลือกวางคีย์เวิร์ดบนเพจด้วย กลยุทธ์คีย์เวิร์ดของคุณจะสนับสนุนกลยุทธ์ SEO ที่ใหญ่ขึ้น เรียกว่าเป็นกลยุทธ์เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายและทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายหลัก 

คีย์เวิร์ดมีกี่ประเภท?

เท่าที่ศึกษามามี ‘head keyword’ หรือที่เราเรียกอีกชื่อว่า ‘seed keyword’ และ ‘long-tail keyword’ แน่นอนว่ามีคีย์เวิร์ดที่อยู่ตรงกลางระหว่าง head และ long-tail ด้วยเรียกว่า “middle keyword” ทั้งนี้เราสามารถเจาะจงคีย์เวิร์ดเหล่านี้ด้วยการใส่คำจำพวก ชื่อแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ หรือสถานที่ เข้าไป เช่น ‘ขายรถจักรยานยนต์ นิยมพาณิชย์’ หรือ ‘ร้านกาแฟที่ดีที่สุดในเชียงใหม่’ เป็นต้น

คีย์เวิร์ดหลักคืออะไร?

คีย์เวิร์ดหลักคือ คีย์เวิร์ดที่เป็นแกนหลักของเนื้อหา เป็นคีย์เวิร์ดที่ต้องใส่ในหัวข้อหลักของหน้า สามารถใช้คีย์เวิร์ดหลักนี้เป็น Launchpad เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเฉพาะได้

วลีและคีย์เวิร์ดต่างกันอย่างไร

คีย์เวิร์ดเป็นคำหนึ่งคำ โดยทั่วไปเป็น ‘seed keyword’ ในขณะที่วลีสำคัญจะประกอบด้วยคำหลายคำ ซึ่งโดยปกติจะเป็นคีย์เวิร์ดแบบ ‘long-tail’ และทั้งสองยังต่างกันที่ปริมาณการค้นหาและการแข่งขันอีกด้วย และวลีจะยาวกว่าแต่มีปริมาณการค้นหาต่ำกว่าและมีการแข่งขันน้อยกว่าคีย์เวิร์ด 

Share: