Design Brief เทคนิคการบรีฟงานกับกราฟิก ให้ได้ตรงตามที่ต้องการ

Louis Potsavee
October 2, 2023

ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลยสำหรับการทำงานระหว่างลูกค้า และทีมนักออกแบบหรือกราฟิก ทำการ Design Brief งานจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพื่อกำหนดขอบเขตของการทำงานเพื่อให้บรรลุลัพธ์ตามความต้องการของลูกค้า การสร้างสรรค์งานแต่ละรูปแบบของลูกค้าแต่ละคนมีความชื่นชอบไม่เหมือนกัน ในการทำให้ทีมกราฟออกแบบงานให้โดดใจลูกค้าทางผู้ประสานงาน หรือ AE จะต้องรับบรีฟให้เข้าใจและมีความละเอียดมากที่สุด

วันนี้ทาง AsiaSearch จะอธิบายว่า Design Brief  คืออะไร ประโยชน์ของการสร้าง Design Brief วิธีเขียน Design Brief และองค์ประกอบที่คุณควรรวมไว้เสมอเพื่อใช้งานในการทำงานรวมกัน เพื่อช่วยคุณเริ่มต้นการทำงานที่ง่ายขึ้น และตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด

Design Brief คืออะไร ?

 Design Brief คือ แผนการทำงานที่สรุปรายละเอียดหลักและความคาดหวังของโครงการ โปรเจ็กต์ หรือแคมเปญการตลาดนั้น ๆ  โดยแผนงานสำหรับ Design Brief ควรเป็นแผนที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับวิธีการดำเนินงาน เพื่อให้บรีฟการออกแบบที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทและนักออกแบบทีมงานเบื้องหลังทุกคน ทำงานออกมาได้ตรงตามลูกค้ามากที่สุด และสร้างความพอใจกับการส่งมอบงานขั้นสุดท้ายแก่ลูกค้า การบรีฟงานกับกราฟิก กับ บรีฟงานกับทีมการตลาดหรือทีมคอนเทนท์จะไม่เหมือนกัน (เทคนิคบรีฟงานแบบ GTCMIT แบบนักการตลาดตัวจริง)

โดยการทำ Design Brief จะเป็นการวางแนวคิดการออกแบบสำหรับโปรเจ็กต์นั้น ๆ โดยมีเป้าหมาย ขอบเขต และแนวทางที่ระบุไว้สำหรับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เช่นเดียวกับแผนงานโครงการต่าง ๆ  Design Brief เป็นแนวทางการทำงานที่จะนำไปสู่เป้าหมายได้ชัดเจนที่สุด โดยทั่วไปแล้ว Design Brief จะต้องผ่าน กระบวนการและทีมงานหลายคนมาก ๆ ก่อนที่จะไปอยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำของนักออกแบบหรือทีมงานที่รับผิดชอบ 

Design Brief ควรมีความละเอียดแต่ตรงประเด็น โดยระบุลำดับเวลาที่ได้รับอนุมัติ ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย และงบประมาณ (ถ้ามี) เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Design Brief คืออะไร ?

Design brief กับ Creative brief ต่างกันอย่างไร

หากคุณไม่เคยสร้างมาก่อน Design brief อาจดูเหมือน Creative brief มาก โดยรวมแล้ว Creative brief จะจัดการกับขั้นตอนก่อนการผลิตและด้านธุรกิจของโปรเจ็กต์มากกว่า ในขณะที่ครีเอทีฟบรีฟจะเน้นไปที่การดำเนินการเชิงนวัตกรรม Creative brief ที่ทำได้ดีทำให้ทั้งสองฝ่ายมีเค้าโครงที่ชัดเจนสำหรับวิธีที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย เป็นแนวทางที่ดีในการมองย้อนกลับไปหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าความคืบหน้ากำลังออกนอกเส้นทางหรือมีความขัดแย้งเกิดขึ้น

Design brief  จึงจะเป็นการวางโครงสร้างใหญ่ของโปรเจ็กต์ แต่เราจะใช้ครีเอทีฟบรีฟเพื่อเจาะลึกเข้าไปในแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายเพื่อปรับแต่งการออกแบบของคุณให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด Creative brief  เป็นการเจาะลึกมากขึ้นว่าแผนงานของคุณจะโดนใจลูกค้าอย่างไร องค์ประกอบใดที่คุณต้องการรวมไว้ และเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจ

ข้อมูลที่ควรรวบรวม Design Brief ที่ควรมี

แน่นอนว่านักออกแบบกราฟิกที่คุณจะร่วมงานด้วยอาจไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจต่าง ๆ ทำให้ทางผู้ประสานงานจึงต้องมีการรวบรวมข้อมูลจากลูกค้าให้ได้มากที่สุด หรือตัวคุณจะต้องอธิบายให้กับทีมกราฟิกเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้ทีมนักออกแบบตอบสนองความต้องการของคุณได้ ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดที่ต้องมี

  • คำอธิบายของกลุ่มเป้าหมาย
  • ขอบเขตโปรเจ็กต์
  • Mood & Tone ที่ต้องการนำเสนอ
  • การวัดผลของโปรเจ็กต์ หรือความคาดหวัง
  • ระยะเวลาในการทำงาน
  • ตัวอย่างหรือแนวคิดการออกแบบบางส่วนที่คุณต้องการ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งของแบรนด์
  • ชื่อและข้อมูลติดต่อของผู้มีส่วนในการตัดสินใจ
  • ข้อมูลอื่นๆ ที่คุณคิดว่าสามารถช่วยนักออกแบบของคุณได้

ควรมีข้อมูลเพียงพอที่จะช่วยให้นักออกแบบของคุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายและดี จำไว้ว่าคุณควรให้ข้อมูลมากเกินไปดีกว่าให้ข้อมูลน้อยเกินไป

5 เคล็ดลับง่าย ๆ ในการ Design Brief กับกราฟิก

เมื่อคุณทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าแล้ว ก็ถึงเวลาเจาะลึกเกี่ยวกับการบรีฟงานกับกราฟิก การสร้างความเข้าใจรวมกันจึงสำคัญมาก ๆ  ยิ่งคุณเข้าใจฟังก์ชั่นและวิธีการรวมข้อมูลที่เป็นแนวทางสำหรับนักออกแบบ คุณก็จะยิ่งสร้างบรีฟที่มีประสิทธิภาพได้ดีขึ้นเท่านั้น เคล็ดลับต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

1.ให้ภาพรวมโครงการ

การให้ภาพรวมจะเป็นผลดีกับการสร้างความเข้าใจ โดยทางผู้ประสานงานจะต้องรู้ว่า แบรนด์เป็นใครและทำอะไร? ลูกค้าของแบรนด์คือใคร? แบรนด์ต้องการบรรลุผลอะไรกับโปรเจ็กต์นี้ ? แม้ว่าการออกแบบบรีฟที่มีรายละเอียดมากเกินไปจะดีกว่าแบบสั้น ๆ แต่สิ่งสำคัญคือต้องให้ตรงประเด็น แทนที่จะบอกเรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดกับนักออกแบบ แต่การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงให้กับนักออกแบบทราบ หรือเน้นปัญหาการออกแบบที่คุณต้องการให้เขาแก้ไขจะดี เป็นหัวหลักในการบรีฟจะดีที่สุด

ตัวอย่างเช่น คุณดำเนินธุรกิจเอเจนซี่ด้านการตลาดและการออกแบบที่ช่วยธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพเปิดตัว คุณต้องมีกราฟิกโซเชียลมีเดียสำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย สิ่งนี้มีประโยชน์มากสำหรับนักออกแบบ นักออกแบบรู้ทันทีว่าแบบธุรกิจที่จะต้องทำงานให้คืออะไร และเป้าหมายสุดท้ายคืออะไร 

เมื่อเราทราบรายละเอียดเฉพาะของโปรเจ็กต์แล้ว คุณจะมีเวลามากขึ้นในการขยายรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม

2.หารืองบประมาณและระยะเวลาของโปรเจ็กต์

ก่อนที่คุณจะเขียนบรีฟเกี่ยวกับการออกแบบกราฟิกให้กับทีมออกแบบ คุณควรประชุมกับทางลูกค้าของคุณแล้วเพื่อหารือเกี่ยวกับงบประมาณและกำหนดการของโปรเจ็กต์นั้น ๆ กัน คุณต้องการการออกแบบเมื่อใดและอาจมีค่าใช้จ่ายเท่าใดในการแก้ไข หรือสามารถทำการแก้ไขได้สูงสุดกี่ครั้ง อย่างไรก็ตาม คุณควรรวมข้อมูลนี้ไว้ในบรีฟของคุณด้วย อย่าลืมตรวจสอบรายการราคาการออกแบบกราฟิกที่อัปเดต เพื่อช่วยคุณกำหนดงบประมาณโปรเจ็กต์

การแก้ไขและการคืบคลานของขอบเขต (งานเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งาน) เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการออกแบบ สิ่งสำคัญคือต้องทราบผลกระทบต่องบประมาณโครงการของคุณล่วงหน้า เพื่อที่ทั้งคุณและนักออกแบบจะได้รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ 

โปรดจำไว้ว่า Design Brief ไม่ใช่สัญญา เพียงแค่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการสื่อสารและทำให้กระบวนการออกแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น

วิธีเขียน Design Brief สำหรับ Digital Marketing Agency

3 ระบุประเภทของโปรเจ็กต์ให้ชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าจุดเริ่มต้นของการออกแบบงาน Artwork แต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน เช่น โลโก้และนามบัตรจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็น Artwork ประเภทไหนการใส่รายละเอีนดต่าง ๆ จะไม่เหมือนกัน แต่ยังคงต้องสอดคล้องกับแบรนด์ อย่างไรก็ตามขั้นแรกในการจะสร้างงานกราฟิกจำเป็นต้องมีบรีฟการออกแบบแบรนด์และประเภทให้ชัดเจนว่าต้องการนำไปใช้งานอะไร ? เพื่อให้นักออกแบบสามารถสร้างกราฟิกได้ต้องตามความต้องการในการนำไปใช้ 

4  กำหนดขอบเขตของโปรเจ็กต์

การเขียนบรีฟเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละโปรเจ็กต์จะสร้างผลงานที่ดีกว่าอย่างแน่นอน คุณอาจต้องการการออกแบบ Design Brief สำหรับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายตามที่ลูกค้าต้องการ อย่างไรก็ตาม การสร้างบรีฟการออกแบบกราฟิกแยกกันสำหรับแต่ละโปรเจ็กต์จะช่วยให้นักออกแบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างหนึ่งโปรเจ็กต์อาจจะมีหลายแคมเปญแต่ละแคมเปญจะใช้ Artwork ไม่เหมือนกัน การมี Design Brief แยกและกำหนดขอบเขตของโปรเจ็กต์นั้น ๆ เป็นเรื่อง ๆ จะง่ายต่อนักออกแบบแน่นอน

การกำหนดขอบเขตของโปรเจ็กต์ให้ชัดเจน ให้แต่ละงานมีความเฉพาะเจาะจงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำจริง ๆ ตัวอย่างเช่น การโปรโมตคลินิกความงามเปิดใหม่เพื่อให้คนรู้จักคลินิกผ่านออนไลน์ นักออกแบบจะต้องออกแบบโลโก้ให้ใหม่ ภาพหน้าปก รูปโปรโมตต่าง ๆ หรือ ทำ SEO ซึ่งแต่ละแบบจะต้องกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน และเจาะจงมากที่สุด รวมถึง Concept , Target Group , Mood&Tone แต่ละแบบนี้ต้องการสื่อออกไปเป็นอย่างไร

5: การเพิ่มข้อกำหนดของโปรเจ็กต์

หากคุณกังวลว่าไม่รู้จะเขียน Design Brief อย่างไร ให้เริ่มต้นด้วยการกำหนดหัวข้อต่าง ๆ ที่เราบอกไปทั้ง 4 ข้อก่อน ใส่ส่วนประกอบด้วยรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับการเพิ่มข้อกำหนดของโปรเจ็กต์ เพื่อให้นักออกแบบสามารถสร้างสรรค์งานภายใต้ข้อกำหนดที่ชัดเจน มีข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อให้นักออกแบบระวัง เพื่อไม่ให้เสียเวลาต้องมานั่งแก้ไขจะเป็นวิธีการทำ Design Brief ที่ดีที่สุด

วิธีเขียน Design Brief

สรุป

Design brief เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกับลูกค้าและทาง Agency เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจทุก ๆ ฝ่าย เมื่อทำอย่างถูกต้องบรีฟจะกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญสำหรับการทำงานของคุณ การดำเนินโปรเจ็กต์โดยที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดจัดตั้งแต่ละ จะทำให้คุณนั้นเสียเวลาในการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ทำให้เกิดความน่ารําคาญทั้งทีมงานที่ทำและลูกค้าที่ต้องการมาตอบคำตาม ซึ่งส่งผลให้เกิดความวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การที่มี Design brief จะทำให้คุณทำงานได้อย่างราบรื่นขึ้นอย่างแน่นอน

สรุป

Design brief เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกับลูกค้าและทางนักออกแบบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจทุก ๆ ฝ่าย เมื่อทำอย่างถูกต้องบรีฟจะกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญสำหรับการทำงานของคุณ การดำเนินโปรเจ็กต์โดยที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดจัดตั้งแต่ละ จะทำให้คุณนั้นเสียเวลาในการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ทำให้เกิดความน่ารําคาญทั้งทีมงานนักออกแบบที่ทำและลูกค้าที่ต้องการมาตอบคำตาม ซึ่งส่งผลให้เกิดความวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การที่มี Design brief จะทำให้คุณทำงานได้อย่างราบรื่นขึ้นอย่างแน่นอน

Share:

Author
Louis Potsavee

หลุยส์นักเขียนบทความที่สามารถเขียนบทความได้ทุกรูปแบบตามข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อให้เกิดบทความใหม่ ๆ ในรูปแบบที่ผู้คนสามารถเข้ามาอ่านได้ง่ายขึ้น เกี่ยวกับ Digital Marketing เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักการตลาดทุกคน