ยิ่งมีคนเจอเว็บไซต์ของเราในหน้าผลค้นหาได้ง่ายเท่าไหร่ ยอดการเข้าชมก็จะเยอะเท่านั้น ยอดขายก็ด้วย ด้วยเหตุนี้ การแข่งขันสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์จึงมีแต่สูงขึ้นและสูงขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าของเว็บไซต์ก็ต่างหากลยุทธ์และไม้ตายต่าง ๆ ออกมาสู้เพื่อแย่งชิงอันดับบนเครื่องมือค้นหา SEO ก็เป็นหนึ่งในไม้ตาย (เรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับ SEO คืออะไร ?)
หมดยุคของ World Wide Web ที่เต็มไปด้วยคีย์เวิร์ดสแปมและการยัดเนื้อเพื่อดึงดูดความสนใจใน Search Engine แล้ว
ยุคนี้หลายแบรนด์จำเป็นต้องโฟกัสไปที่ตัวชี้วัดที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด อย่างการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ของ Google ที่จะต้องพยายามปรากฎตัวบนโลกออนไลน์ให้โดดเด่น และผลักดันให้เว็บไซต์ของตัวเองไปอยู่ในหน้าแรก หรือผลการค้นหาอันดับแรกให้ได้
หลายคนอาจรู้มาบ้างว่า การจะทำให้สำเร็จนั้นจะต้องมีการเขียนเนื้อหาให้มีความเกี่ยวข้อง ความถูกต้อง และความน่าสนใจอยู่ในตัว แต่ใครจะรู้บ้างว่านอกจากสิ่งเหล่านี้ยังมีอีกหนึ่งคีย์ที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ Do-Follow Link ซึ่งถ้าทำให้ถูกต้อง ลิงก์เหล่านี้มันจะช่วยผลักดันคอนเทนท์คุณภาพของคุณให้ไปติดอันดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหาได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
มาดูกันว่ามันจริงรึเปล่า??
การจัดอันดับเว็บไซต์ใช้ลิงก์เป็นตัวกำหนดในการให้คะแนน ยิ่งคะแนนเยอะ อันดับเว็บไซต์ก็จะยิ่งดี และก็เป็นประโยชน์ต่อการทำ SEO ไปในตัวด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์มักเรียกกันว่า “link juice” เพราะมันสามารถ “ไหล” ผ่านเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างลิงก์ที่เหมาะสมได้ และทำให้เพจได้รับคะแนน อันเป็นที่หมายตาทุกคน
และเพราะ “คะแนน” ที่ว่านั้นเป็นมันสำคัญมากต่อการจัดอันดับ การได้รับคะแนนจึงกลายเป็นกลยุทธ์หลักของนักการตลาดส่วนใหญ่
เพื่อให้ได้คะแนนเหล่านั้นมา พวกเขาทำทุกวิถีทาง ตั้งแต่ไปฝากความคิดเห็นที่มีลิงก์แนบไปด้วยในโพสต์ที่ได้รับความนิยมและสร้างโปรไฟล์และชื่อเสียงให้เว็บไซต์ หรือแม้แต่การขอรับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีหน้ามีตาเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ และเพิ่มคะแนนให้เว็บไซต์ตัวเอง
แต่โดยพื้นฐานแล้ว ลิงก์ “dofollow” คือการส่งเครื่องมือค้นหาไปติดตามต้นสายของของลิงก์นั้น ๆ เพื่อมาช่วยเพิ่มคะแนน PageRank และแก้ปัญหาลิงก์ “nofollow” ที่ถูกสร้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย เราสามารถเขียนเป็น HTML ได้ ดังนี้:
<a href=”http://www.website.com/” rel=”nofollow”>Link Text</a>
โค้ด HTML นี้จะลิงก์ไปยังหาเว็บปลายทาง แต่จะสั่งไม่ให้ครื่องมือค้นหาตามไปเก็บข้อมูล ลิงก์ Nofollow จึงไม่มีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ แต่มีไว้เพื่อมีไว้ให้ผู้ดูแลสามารถควบคุมเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วลิงก์ Dofollow ต่างหากที่เป็นตัวเอกของกลยุทธ์ SEO เพราะการได้มาซึ่ง “Backlink” จากเว็บไซต์ดัง ๆ ช่วยกระตุ้นการจัดอันดับและสร้างความโดดเด่นให้แบรนด์ได้ดีมาก
ตัวอย่างง่าย ๆ เลย เช่น ทุกวันนี้คอมเมนต์ส่วนใหญ่จะเป็นลิงก์ Nofollow อยู่แล้ว ผู้สร้างเว็บสามารถเลือกได้เลยว่าจะเพิ่มแท็ก Nofollow เข้าไปในบล็อกโพสต์หรือบทความหรือไม่ มีค่าเท่ากัน หรือจะเปลี่ยนให้เป็น Dofollow ก็ได้ แต่จะได้ผลไหมนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของลิงก์ปลายทางอยากจะเปลี่ยนให้ไหม ซึ่งคุณต้องติดต่อเอง
ปกติแล้ว วิธิสร้างลิงก์ Dofollow มันไม่ได้ซับซ้อนหรือต้องทำเรื่องใหญ่โตอะไรเลย ถ้าเว็บไซต์ของคุณถูกลิงก์ออกไปยังเว็บอื่น แล้วพวกเขาไม่ได้เพิ่มแท็ก Nofollow เข้าไป Search Engine ก็จะเข้ามาแล้วเก็บข้อมูลตรงนี้ไปจัดอันดับให้คุณเอง
เช่นเดียวกัน ถ้าเว็บไซต์คุณจะลิงก์เว็บอื่นเข้ามา คุณอาจจะต้องเลือกลิงก์จากเว็บที่มีชื่อเสียงมาใส่ในคอนเทนต์ เพื่อให้ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลจากลิงก์ดี ๆ ที่ช่วยเสริมทัพการจัดอันดับของคุณได้
แต่ในกรณีที่คุณถูกแบรนด์อื่นเข้ามาขอให้ลิงก์ไปหาพวกเขา ไม่ว่าจะเพิ่มลิงก์ผ่านหน้าเพจ หรือบล็อกโพสต์ คุณอาจจะต้องใช้แท็ก Nofollow อัตโนมัติเข้ามาช่วย เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าลิงก์เหล่านั้นเป็นลิงก์ที่ดี ควรค่าแก่การลิงก์กลับไปให้
ต้องดูให้ดีเสมอว่าปลายทางที่เราจะลิงก์ไปหานั้นมีเนื้อหาที่มีคุณภาพหรือไม่ มีการยัดคีย์เวิร์ดหรือเปล่า เพราะไม่งั้นสิ่งเหล่านี้จะย้อนกลับมาทำร้ายเว็บไซต์ของเราเอง
พูดง่าย ๆ เลยก็คือ สำหรับ external link หรือการลิงก์ออกไปหาเว็บอื่น เว็บพวกนั้นควรเป็นเว็บที่มีชื่อเสียง เพื่อให้เป็นผลดีต่อเว็บไซต์ของคุณเอง แบบนี้แล้วสามารถ Dofollow ลิงก์พวกนี้ได้ แต่ถ้าจะให้ลิงก์ภายนอกลิงก์เข้ามาหาเว็บเรา ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม เช็กให้ชัวร์ว่าเป็นเว็บที่ดีหรือไม่ ถ้าไม่ก็ใช้แท็ก Nofollow เข้ามาช่วย
หลายคนคงสงสัยว่าจะแยกระหว่างลิงก์ dofollow กับ nofollow ออกได้ยังไง ถ้าเป็นเว็บไซต์ของคุณเอง เช็กง่าย ๆ ที่โค้ด HTML บน CMS Admin ที่ใช้อยู่ได้เลย ในหน้านั้นพวกเขาจะบอกหมดเลยว่ามีแท็ก Nofollow อยู่หรือไม่ แล้วในกรณีที่อยากเช็กของเว็บไซต์คนอื่นล่ะ?? จะรู้ได้ยังไงว่าเว็บนั้นมีหรือไม่ และลิงก์อันไหนเป็น Nofollow อันไหนเป็น Dofollow??
กรณีแบบนี้ก็มีตัวช่วยให้คุณเช็กได้อยู่ ดังนี้
เครื่องมือตัวแรกคือ เครื่องมือทั่วไปสำหรับเช็กลิงก์ทั้งหมดในหน้าเพจหนึ่งของเว็บไซต์ โดยจะแสดงผลเลยว่าลิงก์ตัวไหนเป็น nofollow หรือ dofollow ส่วน MozBar เป็นส่วนขยายใน Google Chrome เหมือนกับ SEOquake แต่ SEOquake รองรับการใช้งานใน Firefox ด้วย ตัวสุดท้ายคือ Link Analyzer เป็นเครื่องมือแบบ standalone ใช้ได้กับทุกบราวเซอร์ ที่สำคัญทุกเครื่องมือที่กล่าวมานี้ ฟรี!! และตรวจสอบลิงก์และรายงานผลได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือ ลิงก์พวกนั้นจะพาไปไหน? และจะได้ประโยชน์อะไรถ้า Dofollow ลิงก์เหล่านั้น? แน่นอนว่าการมีลิงก์ Dofollow จะช่วยชี้ทางให้ Search Engine ไปหาคอนเทนต์นั้น แล้วมองว่าคอนเทนต์หน้านั้นมีคุณภาพ มีความเกี่ยวข้อง ข้อมูลถูกต้องและอัปเดตล่าสุด แถมยังช่วยให้หน้าเพจนั้นมี “link juice” ทั้งจากภายนอกและภายในเว็บเองอีกด้วย
ในบางครั้งการมีลิงก์ Dofollow เยอะ ๆ ก็มีข้อดีอยู่ ยิ่งกับเว็บที่อยากสร้างยอดผู้เข้าชม และอยากแซงหน้าอันดับของเว็บคู่แข่ง แต่ถ้าว่ากันตามหลักการแล้ว การใช้ลิงก์ทั้ง dofollow และ nofollow ร่วมกันต่างหากที่ส่งผลดีที่สุด เพราะ Search Engine จะไม่มองว่าคอนเทนต์ของเว็บไซต์คุณตั้งใจไต่อับดับมากจนเกินไป และในทางกลับกันจะช่วยจัดอันดับใหม่ที่ดีกว่าให้อีกด้วย
ไม่มีคำตอบที่ตายตัวเลย เพราะบอท Spider ของ Google เก็บข้อมูลหน้าเว็บไซต์เยอะมากในแต่ละวัน ส่วนใหญ่ก็จะเวลาราว ๆ 2-4 วัน หลังจากเผยแพร่เนื้อหาไป
ถ้าเว็บไซต์ของคุณมียอดเข้าชมต่ำ และลิงก์ Dofollow ส่วนใหญ่ในคอนเทนต์มาจากเว็บขนาดเล็ก ก็อาจจะใช้เวลามากกว่าปกติ ดังนั้นการคัดเลือกโปรไฟล์ลิงก์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันช่วยได้มากจริง ๆ ไม่ว่าจะช่วยให้บอทเข้ามาเก็บข้อมูลเร็วขึ้น หรือแม้แต่การจัดอันดับของหน้าเพจนั้น ๆ ก็ตาม
Dofollow links ยังคงสำคัญมาก ๆ ต่อการทำ SEO การใช้ให้ถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสม คือส่วนผสมที่ลงตัวที่จะช่วยให้เห็นผลได้จริง ๆ สามารถเข้ามาปรึกษาการทำ SEO ให้เว็บของคุณติดอันดับบน Google ได้ง่าย ๆ กับ Digital Marketing Agency ที่ดีที่สุด ที่นี่ได้เลย
บริษัท Digital Marketing Agency ที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมให้บริการธุรกิจของคุณด้วยความเป็นมืออาชีพ เพื่อให้แบรนด์ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จกับแคมเปญการตลาดออนไลน์
Copyright © 2024 Asia Search Solutions Co.,ltd
Performance Marketing
asiasearch
Louis Potsavee
