อยากรู้ว่าตอนนี้ Search Engine Optimization (SEO) ยังน่าลงทุนไหม? ทำแล้วได้ผลจริงรึเปล่า? แล้วมันยังสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจอยู่หรือไม่? เอาจริง ๆ เจ้าของธุรกิจทุกคนต่างรู้กันอยู่แล้วว่าถ้าอยากให้บริษัทเติบโตด้วยช่องทางการตลาด ก็ต้องให้ความสำคัญไปที่การค้นหาบนโลกออนไลน์เป็นหลัก
ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง 10 ประโยชน์จากการทำ SEO ที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโต โดยจะยึดจากการมองเห็นและการให้คุณค่ากับลูกค้าเป้าหมาย
Table of Contents
Toggleถ้าคุณมียอดการมองเห็นแบบออร์แกนิก แน่นอนว่ายอดเข้าชมก็จะตามมาติด ๆ เป็นผลลัพธ์ของ SEO ที่เราทุกคนต่างรู้กันอยู่แล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องมือค้นหากลายเป็นเหมือนหมุดหมายที่ทรงพลัง โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง กลยุทธ์ SEO ที่ได้ประสิทธิภาพจะช่วยส่งเว็บไซต์ของคุณไปหาลูกค้าที่ตรงกลุ่มโดยใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องเพียงไม่กี่คำเท่านั้น
เมื่อใดก็ตามที่ลูกค้ามองหาสิ่งที่คุณให้บริการอยู่ จากยอดการมองเห็นธรรมดา ๆ ก็จะกลายเป็นยอดการเข้าชมให้เว็บไซต์ และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่คุณไม่ต้องไปพยายามโน้มน้าวใครเลย
บทความที่เกี่ยวข้อง เหตุผลทำไม SEO สำคัญกับ e-commerce เป็นอย่างมาก
เมื่อพูดถึงช่องทางการตลาดออนไลน์ ผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ Return On Investment (ROI) ก็ลอยขึ้นมาทันที เพราะมันสำคัญมากจริง ๆ สำหรับการทำธุรกิจ และแม้ว่าการทำ SEO จะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ได้คุณภาพ และสร้าง ROI ได้แบบถล่มทลายเลยทีเดียว
ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่ได้จากเครื่องมือค้นหามีอัตราราว ๆ 14.6% และมากกว่าการตลาดแบบเดิม ๆ กว่า 12% ลองคิดดูว่าโอกาสเติบโตมากขนาดนี้ แต่อันดับเว็บไซต์ของคุณกลับรั้งท้าย ตกไปอยู่หน้าไหนก็ไม่รู้ หรือเผลอ ๆ คือ ไม่ติดอันดับด้วยซ้ำ จะดีกว่าไหมถ้าคุณเป็นหนึ่งในอันดับต้น ๆ บนหน้าผลการค้นหาของ Google ที่มีโอกาสได้รับยอดเข้าชมกว่า 33% ของปริมาณการค้นหาทั้งหมด การมองเห็นของเครื่องมือค้นหาเกี่ยวข้องโดยตรงกับการยอดการเข้าชมเว็บไซต์ รวมถึงรายได้ที่คุณจะได้รับด้วย และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าหลายบริษัทไว้ใจในกลยุทธ์ SEO ให้เข้ามาช่วยสร้าง ROI แบบถล่มทลายให้แก่พวกเขา
การติดอันดับในหน้าแรกจะช่วยให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามองเห็นถึงความน่าเชื่อถือของคุณได้ Google จะจัดอันดับเว็บไซต์ต่าง ๆ ตามสัญญาณจาก On-page และ Off-page เช่น คอนเทนต์สร้างสรรค์ ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ การใช้งานบนมือถือ เป็นต้น ซึ่งเรื่องพวกนี้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่อาจจะไม่แคร์ แต่ Google แคร์ และผู้ใช้งานเองก็คาดหวังผลการค้นหาดี ๆ จาก Google ว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์จริง และส่วนใหญ่พวกเขาก็จะเชื่อผลจากอัลกอริทึมที่จัดอันดับมาให้ไปเลยโดยปริยาย แถมกว่า 75% ของผู้ใช้ก็ไม่กดเข้าไปดูหน้า 2 เลยด้วยซ้ำ
ความน่าเชื่อถือที่ได้รับจากอำนาจของเครื่องมือค้นหาและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของคุณจะคอยสร้างความน่าเชื่อถือของคุณให้ผู้เยี่ยมชมเห็นเอง
ความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาทำงานแบบไม่มีวันหยุด และสิ่งที่ทำไว้จะไม่หายไปไหนด้วย ต่อให้งบประมาณจะหมดแล้วก็ตาม ต่างจากโฆษณาแบบเสียเงินแบบสิ้นเชิงเลย อันดับที่ได้รับจาก SEO จะโปรโมตเว็บไซต์ของคุณทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้ประโยชน์จากการค้นหาของ Google (อย่างน้อย) 60,000 ครั้งต่อวินาที เท่านั้นยังไม่พอ การทำ SEO ยังไม่เหมือนใครอีกด้วย เพราะช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ใช้ในขณะที่พวกเขากำลังค้นหาสินค้าหรือบริการที่คุณสามารถให้ได้
การตลาดเชิงเนื้อหาที่ขับเคลื่อนด้วยการทำ SEO จะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างหลากหลายเพื่อรองรับกับช่องการตลาดที่มีหลายรูปแบบ
แม้แต่ช่องทางการตลาดตัวท็อป ๆ เองในโลกออนไลน์ต่างก็ต้องพึ่งการเขียนบล็อกโพสต์ เพราะไม่เพียงแค่ความภักดีต่อตัวแบรนด์เท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงการรับรู้เพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่ Conversion ที่ธุรกิจไหน ๆ ก็หมายปองอีกด้วย
SEO ไม่เหมาะกับบริษัทที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเป้าหมายเดียว เพราะเจ้าตัวกลยุทธ์นี้มีประสิทธิภาพมากพอที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้ แม้จะยิงเพียงครั้งเดียว
ตัวอย่างเช่น บริษัทรับติดตั้งสระน้ำ ที่อยากเจาะกลุ่มลูกค้า 2 กลุ่ม คือเจ้าของบ้านและเจ้าของโรงแรม การทำ SEO จะช่วยให้บริษัทนี้สามารถเข้าถึงผู้ชมทั้งสองกลุ่มได้ผ่านการทำ Keyword Research โดยอาจสร้างเนื้อหาขึ้นเป็นหน้าบริการสองหน้า ที่แต่ละหน้าจะทำหน้าที่มุ่งไปหากลุ่มเป้าหมายของตัวเอง ด้วยการแรงก์คีย์เวิร์ดที่ผู้คนใช้ค้นหากันเยอะ ๆ เช่น หน้าแรกเป็น “บริการติดตั้งสระว่ายน้ำในบ้าน” ส่วนอีกหน้าเป็น “บริการติดตั้งสระน้ำโรงแรม” เป็นต้น
User experience คือองค์ประกอบสำคัญที่ SEO ขาดไม่ได้ แถมยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ Google เอาไว้ใช้จัดอันดับให้เว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือค้นหาเคยพูดไว้ว่า “Google เรียนรู้วิธีตีความ User Experience ทั้งดีและไม่ดี แล้วเลือกเอา User Experience ที่ดีมาใช้เป็นองค์ประกอบในการชี้วัดความสำเร็จของการทำเว็บไซต์”
ผู้ใช้งาน Google ต่างก็ต้องคาดหวังคำตอบที่ดีและเร็วที่สุด ผู้เข้าชมที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์และเจอ User Experience ไม่ดี เช่น ไม่รองรับการใช้งานกับจอมือถือ แน่นอนว่าไม่นานพวกเขาก็กดออก สิ่งนี้เรียกว่า Bounce Rate ที่จะคอยบอก Google ว่าเว็บไซต์นี้ไม่ดีต่อผู้ใช้งาน ทีนี้ Google ก็จะปัดตกเว็บไซต์แบบนี้ลงจากอันดับ แล้วเลือกเว็บอื่นที่ดีกว่าขึ้นมาแทน
PPC จะเวิร์กได้ต้องจับมือกับ SEO เพราะไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่เสียเงินค่าโฆษณาเพื่อติดอันดับหรือเว็บไซต์ที่ใช้
organic search ไต่เต้าขึ้นมาต่างก็ต้องนำเสนอความน่าเชื่อถือและทำให้ผู้ใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ต่อให้นานที่สุด
แล้วอะไรจะช่วยชี้ให้ผู้เข้าชมเห็นล่ะ นอกจากเนื้อหา SEO คุณภาพ นี่จึงเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลพอตัวที่ว่า
ต่อให้เว็บที่ทำ PPC จ่ายเงินแพงแค่ไหน
ถ้าไม่ทำ SEO ยังไงก็ไปไม่รอด
แม้ว่าการทำ SEO จะส่งผลต่อธุรกิจได้ดีที่สุดในปีแรก แต่ก็ใช่ว่ามันจะหายไป ยิ่งถ้าคุณยังพยายามทำ SEO อย่างต่อเนื่อง แน่นอนผลดี ๆ ก็จะเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในความเป็นจริง ขนาดของผลลัพธ์ SEO และ ROI นั้นจะขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความพยายาม และเวลาที่ทุ่มเทไปกับมัน ถ้า เอเจนซี่ SEO บริษัทไหนมาสัญญาว่าการทำ SEO จะเห็นผลได้ในทันที โปรดระวัง!!
การใช้กลยุทธ์ SEO ที่คิดมาแล้วอย่างดี เช่น การสร้างเนื้อหาคุณภาพและการเพิ่มประสิทธิภาพ On-page แบบครอบคลุม พร้อมกับการเรียนรู้อัลกอริทึมของ Google อยู่เสมอ ไม่นานเวลาที่ทุ่มเทไปจะต้องเห็นผล ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเป็นคำตอบได้เลย
เราอยู่ในยุคดิจิทัลที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าอยากสร้างแบรนด์ให้มีอิทธิพล การปรากฏตัวให้เห็นบนหน้าผลการค้นของของ Google คือคีย์สำคัญ ถ้าตอนนี้เว็บไซต์ของคุณไม่ได้อยู่ในหน้าแรก ไม่มีคนคลิกเข้ามาเยี่ยมชม หรือไม่ได้โปรโมตแบรนด์ของคุณให้ใครเห็น ก็ใช่ว่าคุณจะไม่มีหวัง แค่เพียงลองปรับแต่งเว็บไซต์ด้วย search engine optimization หรือ SEO อย่างที่เราพูดมาตลอดทั้งบทความนี้ โอกาสต่าง ๆ ทั้งการรับรู้ต่อตัวแบรนด์ ยอดเข้าชม หรือแม้รายได้ก็สามารถเพิ่มขึ้นได้จริง อยากให้คุณลองเปิดใจดู การติดหน้าแรกไม่ได้ยากอย่างที่คิด เข้ามาใช้บริการ Asia Search
บริษัท Digital Marketing Agency ที่มีประสิทธิภาพสูงพร้อมให้บริการธุรกิจของคุณด้วยความเป็นมืออาชีพ เพื่อให้แบรนด์ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จกับแคมเปญการตลาดออนไลน์