สิ่งหนึ่งของคนที่ทำ SEO จะต้องรู้ คือ No follow Link ซึ่งเกี่ยวกับประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณในเครื่องมือค้นหา หากคุณต้องการมี SEO ที่ดีจริง ๆ คุณจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Nofollow Link ซึ่งเราจะอธิบายเกี่ยวกับ Nofollow Link ว่าคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร และวิธีการเช็กลิงก์ประเภทนี้
Table of Contents
Toggle‘No follow Link’ คือลิงก์ที่ชี้จากเว็บไซต์หนึ่งไปยังอีกเว็บไซต์หนึ่งด้วยแท็ก rel= “nofollow” แท็ก HTML พิเศษนี้จะสั่งให้เครื่องมือค้นหาละเว้นลิงก์นั้น เมื่อเราบอกว่าไม่ต้องสนใจลิงก์นั้น นั่นหมายความว่าจะไม่มีการส่งลิงก์ (หรือ PageRank ) จากเว็บไซต์หนึ่งไปยังอีกเว็บไซต์หนึ่ง เนื่องจากลิงก์ ‘nofollow’ ไม่ผ่าน PageRank จึงไม่ส่งผลต่อการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา หรือหากพูดให้เข้าใจได้ง่าย ๆ การตั้งค่าบนไฮเปอร์ลิงก์ของหน้าเว็บที่สั่งเครื่องมือค้นหาไม่ให้ใช้ลิงก์นั้นในการคำนวณการจัดอันดับหน้า
หากถามว่าแล้วมันจะส่งผลดีต่อการทำ SEO หรือส่งผลเสียมากกว่ากัน อย่างที่เข้าใจ No follow Link เป็นการเชื่อม Backlink แบบไม่ส่งค่าคะแนนทาง SEO โดย Nofollow Link ถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อต่อสู้กับ comment spamming ต่าง ๆ เท่านั้น
อาจจะเป็นอะไรที่พูดยากว่า Nofollow Link นั้นไม่มีความหมายกับการทำ SEO หรือการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์บนเครื่องมือการค้นหาเลยซะทีเดียว เพราะ Nofollow Link ก็ยังมีผลต่อการคะแนนการจัดอันดับบนเครื่องมือการค้นหาอยู่ ถึงแม้จะให้คะแนนไม่มากเหมือนกับลิงก์ประเภทอื่น แต่ Nofollow Link ถือว่าเป็น Backlink ที่มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยทาง Google เองก็เคยแนะนำให้มีการลอง เปลี่ยน Tags เป็นแบบ rel=”nofollow” เช่นกัน
ถึงแม้ว่า Nofollow Link ในการจัดอันดับมากเท่าไหร่ แต่โปรแกรมรวบรวมข้อมูลของ Google ใช้ลิงก์เพื่อนำทางเว็บไซต์เพื่อพิจารณาความน่าเชื่อถือ ซึ่งในอดีตมีเว็บไซต์โจมตีเว็บไซต์อื่นด้วยลิงก์สแปมซึ่งบ่อนทำลายอำนาจของเว็บไซต์นั้น ๆ และลดอันดับใน SERP ลง ซึ่งหมายถึงการเข้าชมเว็บไซต์น้อยลง การใช้แท็ก nofollow ช่วยให้เว็บไซต์สามารถรักษาอันดับไว้ได้ แม้ว่าจะถูกโจมตีด้วยลิงก์สแปมก็ตาม
เรามักจะพบเห็น Nofollow Link สำหรับการติดแบนเนอร์ในตำแหน่งต่าง ๆ ของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น header website หรือ Footer ซึ่งลิงก์ที่เราติดบนแบนเนอร์นั้นจะติดตามไปในทุก ๆ หน้าของเว็บไซต์นั้น ๆ ทำให้เราได้ ลิงก์ย้อนกลับตามจำนวนของหน้าเว็บไซต์ แน่นอนว่า Google อาจจะมองว่าลิงก์ที่ติดไปเป็นสแปม ทำให้นักทำ SEO จะใช้ rel=”nofollow” เข้ามาช่วยนั้นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง Search Intent คืออะไร?
ข้อแตกต่างทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวระหว่างทั้งสองคือลิงก์ nofollow มีแท็ก nofollow เท่านั้น แต่เมื่อพูดถึงการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหาหรือการทำ SEO ลิงก์ nofollow และ dofollow มีความแตกต่างอย่างมาก เพราะเครื่องมือค้นหาจะให้คะแนนลิงก์ที่เป็น dofollow อย่างที่เราบอกไป เครื่องมือค้นหาจะไม่ให้คะแนนการจัดอันดับกับ nofollow หรือให้คะแนนน้อยมาก ๆ แต่ nofollow ก็มีความสำคัญในการทำ SEO ในรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างที่เราได้อธิบายไปในข้างต้นแล้ว
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Do-Follow Link คืออะไร?
ในปัจจุบัน การทำ Nofollow Link จะมีอยู่ 2 กรณีที่ได้รับความนิยม นั้นคือ
บริการจาก Asia Search รับทำ Backlink คุณภาพสูง
แม้ว่ามันอาจจะไม่เพิ่มอันดับของคุณใน SERP แต่แท็ก nofollow ยังคงสร้างการเข้าชมและสร้างการมีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ได้ เพราะ Nofollow Link เป็นการ Backlink ที่ผู้คนสามารถคลิกผ่านได้เช่นเดียวกัน และยังนำไปสู่ traffic ที่สูงขึ้นอีกด้วย การผสมผสานระหว่าง nofollow และ dofollow จะทำให้ Google มั่นใจว่าคุณเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
แถมยังเพิ่มภาพลักษณ์และการรับรู้แบรนด์ของเว็บไซต์ Backlink ยังคงช่วยคุณสร้างเครือข่ายผู้สนับสนุนได้ ยิ่งมีการมองเห็นแบรนด์ออนไลน์มากขึ้นเท่าใด การเข้าถึงและการเข้าชมก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้โซเชียลมีเดียอาจโพสต์ลิงก์จากบัญชีของตนซึ่งเพื่อนผู้ใช้ที่คลิกจาก Facebook หรือ Twitter จะเห็นได้ ทำให้ nofollow ถึงจะไม่มีคะแนนที่จะได้จากเครื่องมือการค้นหา แต่ก็ยังสามารถสร้าง traffic ให้กับเว็บไซต์ได้เช่นกัน
Backlink เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในการทำ SEO ทำให้จะต้องเข้าใจในลิงก์แต่ละแบบอย่าง Nofollow Link เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่เราจะเจอได้บ่อย ๆ ในเว็บไซต์ที่มีการทำ Backlink แนว Nofollow Link ซึ่งคุณสามารถนำความรู้ที่เราได้อธิบายไปทั้งหมดไปปรับใช้เกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพเว็บไซต์ในการทำลิงก์ทั้งภายนอกภายในเว็บไซต์ได้ หากใครที่ต้องการทำ SEO บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ ของเราให้บริการทำ SEO ให้ติดหน้าแรก เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการค้นหาเป็นอย่างมาก
Performance Marketing